Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มุ่งศึกษาถึงความรับผิดระหว่างประเทศในการกระทำของกองกำลังสหประชาชาติในปฏิบัติการเพื่อสันติภาพในกรณีที่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของบุคคลอื่น ซึ่งในการจัดตั้งกองกำลังนั้น องค์การสหประชาชาติจะต้องอาศัยความร่วมมือจากรัฐสมาชิกในการส่งกองกำลังเข้ามาร่วมปฏิบัติการ ดังนั้นจึงเป็นปัญหาว่าองคภาวะใดระหว่างองค์การสหประชาชาติกับรัฐที่ส่งกองกำลังจะต้องมีความรับผิดในการกระทำนั้น โดยจะพิจารณาถึงหลักกฎหมายในร่างข้อบทว่าด้วยความรับผิดขององค์การระหว่างประเทศว่าได้วางหลักเกณฑ์ในการวินิจฉัยว่าอย่างไร โดยยกตัวอย่างคดีกรณีศึกษาคดี Behrami และคดี Saramati ที่ตัดสินโดยศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปซึ่งเป็นคดีแรกในประวัติศาสตร์ที่เป็นการฟ้องร้องเกี่ยวกับการกระทำความผิดของกองกำลังสหประชาชาติในปฏิบัติการเพื่อสันติภาพในระดับศาลระหว่างประเทศ แต่ในคดีนี้กลับมิได้ใช้หลักเกณฑ์ที่ปรากฏตามร่างข้อบทว่าด้วยความรับผิดขององค์การระหว่างประเทศแต่อย่างใด แต่ศาลได้ใช้หลักเกณฑ์การวินิจฉัยที่แตกต่างออกไป ทำให้เกิดกระแสการวิจารณ์อย่างกว้างขวางทั้งในประเด็นกฎหมายและการเมืองระหว่างประเทศว่าหลักเกณฑ์ใดเป็นหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมในการวินิจฉัยปัญหาความรับผิดดังกล่าว
จากการศึกษาพบว่าหลักเกณฑ์ทั้งสองยังไม่สะท้อนถึงความสลับซับซ้อนในสายการบังคับบัญชาของกองกำลังได้ ดังนั้น ทางเลือกหนึ่งของในการแก้ปัญหานี้ ก็คือ การที่ให้ทั้งองค์การสหประชาชาติและรัฐที่ส่งกองกำลังจะต้องมีความรับผิดร่วมกัน (Joint responsibilities) โดยอาศัยหลักกฎหมายที่ว่าการกระทำความผิดหนึ่งสามารถถือได้ว่าเป็นการกระทำของหลายองภาวะได้ (Multiple Attribution) ทั้งนี้ เพื่อลดอุปสรรคในการเยียวยาความเสียหายให้แก่บุคคลผู้เสียหาย และยังคงไว้ซึ่งความยินดีที่จะร่วมมือของรัฐที่ส่งกองกำลังมาเข้าร่วมในปฏิบัติการเพื่อสันติภาพต่อไป อันนำไปสู่การบรรลุถึงวัตถุประสงค์ขององค์การสหประชาชาติที่ต้องการรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศเพื่อประโยชน์ของประชาคมโลกโดยรวมนั่นเอง