Abstract:
ความสำคัญและที่มาของปัญหางานวิจัย การทำ EUS-FNA มีค่าความไว(sensitivity) ในการวินิจฉัยมะเร็งตับอ่อนที่ร้อยละ 85 จะเห็นได้ว่ายังมีข้อบกพร่องในการเกิดผลลบลวง (false negative) ถึงร้อยละ 15 โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีภาวะตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง การทำ EUS elastography ถือเป็นหัตถการที่ปลอดภัย และมีการศึกษาก่อนหน้าพบว่ามีค่า sensitivity ดี อย่างไรก็ตามยังมีการศึกษาน้อยโดยเฉพาะการศึกษาแบบไปข้างหน้าในภูมิภาคเอเชีย
วัตถุประสงค์ของการวิจัย เพื่อศึกษาค่า sensitivity ของการทำ EUS elastography โดยวิธี strain ratio ตัดที่ค่ามากกว่า 6.04 เพื่อแยกก้อนที่ไม่ใช่มะเร็งในคนไข้ที่มาด้วยก้อนที่ตับอ่อน
ระเบียบวิธีการวิจัย ผู้ป่วยที่มาด้วยก้อนที่ตับอ่อนจากการทำ CT หรือ MRI โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จะได้รับการทำ EUS elastography โดยแพทย์ผู้ส่องกล้อง คือ ผศ.นพ.ประเดิมชัย คงคำ ซึ่งไม่รู้อาการและผลทางรังสีวิทยาของผู้ป่วย EUS elastography จะวัดในรูปของ qualitative score และ strain ratio method ซึ่งผลที่ได้จะนำมาคำนวณค่า sensitivity, specificity, PPV, NPV และ accuracy เทียบกับ gold standard
ผลการวิจัย ผู้ป่วยทั้งหมด 38 ราย ได้รับการคัดเลือกเข้าทำการศึกษา การวินิจฉัยก้อนมะเร็งทำได้โดยผลทางชิ้นเนื้อจากการผ่าตัดหรือการเจาะชิ้นเนื้อส่งด้วยวิธีต่างๆ (14 ราย) หรือในกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดได้จะได้รับการวินิจฉัยโดยผล cytology เป็น malignant หรือ suspicious และการตรวจติดตามทางรังสีวิทยามีการเพิ่มขึ้นของตัวโรค (12 ราย) และก้อนไม่ใช่มะเร็งได้รับการวินิจฉัยจากผลชิ้นเนื้อจากการผ่าตัดหรือการเจาะชิ้นเนื้อด้วยวิธีต่างๆ (6 ราย) หรือผล cytology เป็น benign ร่วมกับการตรวจติดตามทางรังสีวิทยาไม่พบการเพิ่มขึ้นของตัวโรคที่ 6 เดือน (6 ราย) ผลพบก้อนมะเร็ง 26 ราย โดยเป็น adenocarcinoma (23 ราย), malignant NET (2 ราย) และ metastasis (1 ราย) ส่วนก้อนไม่ใช่มะเร็ง 12 ราย เป็น benign NET (4 ราย), mass forming chronic pancreatitis (2 ราย), autoimmune pancreatitis (2 ราย) และก้อน benign อื่นๆ (3 ราย) ผลจากวิธี strain ratio ที่ค่ามากกว่า 6.04 พบว่ามีค่า sensitivity, specificity, PPV, NPV และ accuracy ร้อยละ 84.6, ร้อยละ 83.3, ร้อยละ 91.7, ร้อยละ 71.4 และร้อยละ 84.2 ตามลำดับ ส่วนค่า sensitivity, specificity, PPV, NPV และ accuracy โดยวิธี qualitative score พบว่ามีค่าเท่ากับร้อยละ 100, ร้อยละ 70, ร้อยละ 89.28, ร้อยละ 100 และร้อยละ 84.21 ตามลำดับ เมื่อใช้ผล EUS-FNA ในคนไข้ 28 รายร่วมกับผล strain ratio ที่ค่ามากกว่า 6.04 พบว่ามี sensitivity และ NPV 100%
สรุป ค่า sensitivity ในการแยกก้อนที่ไม่ใช่มะเร็งในคนไข้ที่มาด้วยก้อนที่ตับอ่อนด้วยวิธี strain ratio ที่ค่ามากกว่า 6.04 มีค่าร้อยละ 84.6 ซึ่งไม่เหนือกว่า EUS-FNA แต่เมื่อใช้ผล EUS-FNA ร่วมด้วย พบว่ามีค่า sensitivity และ NPV 100%