Abstract:
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของรอยเชื่อมต่อบริเวณตัวหลักและรากเทียมกับการแทรกซึมของเชื้อแบคทีเรีย โดยเลือกใช้เชื้อในการทดลอง 3 ชนิดคือ เชื้อฟิวโซแบคทีเรีย นิวคลีเอตัม (Fusobacterium nucleatum) เชื้อพอร์ไฟโรโมนาส จินจิวาลิส (Porphyromonas gingivalis) และเชื้อเอสเชอริเชีย คอไล (Escherichia coli) ทำการทดลองในแต่ละเชื้อโดยกำหนดช่วงขนาดรอยเชื่อมต่อบริเวณตัวหลักและรากเทียมเป็น 3 ช่วงได้แก่ ช่วงที่ 1 มีขนาด 10.001-20.000 ไมครอน ช่วงที่ 2 มีขนาด 1.001-10.000 ไมครอน และช่วงที่ 3 มีขนาด 0.001-1.000 ไมครอน โดยทำการทดสอบในแต่ละกลุ่มเชื้อและกลุ่มขนาดรอยเชื่อมต่อจำนวน 30 ชิ้น รวมทดสอบต่อเชื้อ 90 ชิ้นทดสอบ ทำการแช่ชิ้นทดสอบในสารเลี้ยงเชื้อที่ได้มีการควบคุมความขุ่นให้สัมพันธ์กับความหนึดของสารเลี้ยงเชื้อเพื่อให้มีความหนืดอยู่ในช่วงระหว่างความหนืดค่าต่ำสุดและสูงสุดของน้ำเหลืองเหงือก โดยแช่ทิ้งไว้ 48 ชั่วโมง จากนั้นทำการตรวจหาการแทรกซึมโดยใช้กระดาษซับคลองรากฟันซับส่วนในของรากเทียมแล้วใส่กระดาษซับคลองรากฟันลงในหลอดแสดงผล บันทึกจำนวนของหลอดแสดงผลที่ให้ผลบวกซึ่งแสดงถึงการซับเชื้อได้จากส่วนในของรากเทียม พบว่าในเชื้อฟิวโซแบคทีเรียม นิวคลีเอตัม ขนาดรอยเชื่อมต่อช่วงที่ 1 มีการแทรกซึมของเชื้อ 7 ชิ้นทดสอบ ช่วงที่ 2 มีการแทรกซึมของเชื้อ 8 ชิ้นทดสอบและช่วงที่ 3 ไมพบการแทรกซึมของเชื้อเลย ส่วนเชื้อพอร์ไฟโรโมนาส ขนาดรอยเชื่อมต่อช่วงที่ 1 มีการแทรกซึมของเชื้อ 5 ชิ้นทดสอบ ช่วงที่ 2 มีการแทรกซึมของเชื้อ 10 ชิ้นทดสอบและช่วงที่ 3 ไม่พบการแทรกซึมของเชื้อเลย และสำหรับเชื้อเอสเชอริเชีย คอไล ขนาดรอยเชื่อมต่อช่วงที่ 1 และช่วงที่ 2 มีการแทรกซึมของเชื้อทั้งหมดและช่วงที่ 3 มีการแทรกซึมของเชื้อ 18 ชิ้นทดสอบ จากนั้นวิเคราะห์หาความแตกต่างการแทรกซึมของเชื้อจากอิทธิพลของขนาดรอยเชื่อมที่มีขนาดต่าง ๆ กันในแต่ละเชื้อ ใช้การทดสอบไคสแควร์ พบว่าทั้ง 3 เชื้อมีความแตกต่างของการแทรกซึมของเชื้อแบคทีเรียเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงขนาดรอยเชื่อมต่อบริเวณตัวหลักและรากเทียมอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับความเชื่อมั่น 99% (p value<0.01) สรุปได้ว่าขนาดของรอยเชื่อมต่อบริเวณตัวหลักและรากเทียมมีผลต่อการแทรกซึมของเชื้อทั้ง 3 ชนิด