Abstract:
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะซึมเศร้าและภาวะวิตกกังวลกับการเสพติดบุหรี่ โดยประเมินภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลด้วยแบบประเมินที่ดัดแปลงจาก Depression anxiety and stress scale (DASS-21) ความรุนแรงของการเสพติดนิโคตินด้วยแบบประเมิน Fagerstrom test for nicotine dependence (FTND) และความรุนแรงของการเสพติดบุหรี่ทางจิตใจและสังคมด้วยแบบทดสอบ “ทาไมคุณยังสูบบุหรี่อยู่” โดยศึกษาเชิงวิเคราะห์แบบตัดขวาง ดาเนินงานวิจัย ณ หน่วยโรคระบาดทางเดินหายใจและเวชบาบัดผู้ป่วยวิกฤติ รพ.จุฬาลงกรณ์ และคลินิกฟ้าใส รพ.ตารวจ เก็บข้อมูลระหว่างเดือนมิถุนายนถึงธันวาคม 2555 โดยการสัมภาษณ์และให้ผู้เข้าร่วมงานวิจัยทาแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วย SPSS 14.0 ผู้เข้าร่วมงานวิจัยเป็นผู้เสพติดบุหรี่ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปและมาเข้ารับบริการเลิกบุหรี่เป็นครั้งแรก โดยการศึกษานี้มีผู้เข้าร่วมงานวิจัย 104 คน (ชาย 90 คน และหญิง 14 คน) ผู้ป่วยใน 47 คน ผู้ป่วยนอก 57 คน อายุ 18-74 ปี ระยะเวลาเฉลี่ยของการสูบบุหรี่ (+ SD) 24+ 13 ปี จานวนบุหรี่ที่สูบเฉลี่ย (+ SD) 15 + 12 มวนต่อวัน จานวนครั้งที่เคยเลิกบุหรี่เฉลี่ย (+ SD) 1.40 + 1.89 ครั้ง ผลการวิจัยพบว่า 41.3% ของผู้เข้าร่วมงานวิจัยมีภาวะซึมเศร้า (Depression score >10) และ 63.5% มีภาวะวิตกกังวล (Anxiety score >8) คะแนน FTND เฉลี่ย (+ SD) 4.39+2.5 เมื่อวิเคราะห์โดยใช้ Pearson’s Correlation พบว่าการเสพติดนิโคตินมีความสัมพันธ์กับภาวะซึมเศร้าและภาวะวิตกกังวลอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (p = 0.033, 0.012 ตามลาดับ) และพบว่าการเสพติดบุหรี่ทางจิตใจและสังคมมีความสัมพันธ์กับภาวะซึมเศร้าและภาวะวิตกกังวลอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (p = 0.024, 0.003 ตามลาดับ) จากการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างการเสพติดบุหรี่และภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล ดังนั้นจึงควรมีการประเมินภาวะซึมเศร้าและภาวะวิตกกังวลในผู้เสพติดบุหรี่ก่อนดาเนินการช่วยเลิกบุหรี่และพิจารณาใช้ยาหรือพฤติกรรมบาบัดในผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวลซึ่งอาจเพิ่มโอกาสในการเลิกบุหรี่สาเร็จได้มากขึ้น