Abstract:
Trastuzumab เป็น Monoclonal antibody ที่ใช้เป็นยาเดี่ยวหรือยาเสริมสาหรับรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มี การแสดงออกของโปรตีน HER2 มากกว่าปกติ อาการข้างเคียงที่สาคัญคือ มีผลลดการทางานของหัวใจ ซึ่งสามารถวัดการทางานที่ลดลงของหัวใจได้จากค่าร้อยละการบีบตัวของหัวใจห้องล่างซ้าย (%LVEF) การศึกษานี้เป็นการวิจัย เชิงพรรณนาโดยทาการเก็บข้อมูลย้อนหลังจากเวชระเบียนผู้ป่วย เพื่อศึกษาความชุกของการเกิดผลลดการทางาน ของหัวใจ และศึกษาปัจจัยเสี่ยงหรือสาเหตุอื่น ๆ ที่ส่งเสริมทาให้เกิดการลดลงของค่า %LVEF ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ที่ได้รับยา Trastuzumab ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ระหว่างเดือนมกราคมถึงธันวาคม 2554 ในช่วงเวลาดังกล่าวมีผู้ป่วยได้รับยา Trastuzumab จานวน 40 ราย ผู้วิจัยสามารถเข้าถึงเวชระเบียนและได้ข้อมูลประวัติการใช้ยาของผู้ป่วยได้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน จานวน 20 ราย ผู้ป่วยมีอายุเฉลี่ย 58.25+9.27 ปี ระยะของโรคมะเร็งอยู่ใน stage 3-4 และมี HER2 status 2+ ถึง 3+ จานวนรอบการรักษาด้วยยา Trastuzumab เฉลี่ยที่ผู้ป่วยได้รับคือ 21.31+10.14 รอบ พบความชุกของผู้ป่วยที่มี %LVEF ลดลง 13 จาก 20 รายหรือคิดเป็นร้อยละ 65 ค่าเฉลี่ยของ %LVEF ที่ลดลงคือ 12.49+7.8 ในจานวนนี้มี 7 ราย (ร้อยละ 53.85) ที่มีค่า %LVEF ลดลงมากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 10 ในจานวนนี้มี 1 รายที่ต้องหยุดใช้ยาเนื่องจากค่า %LVEF ลดลงจนน้อยกว่าร้อยละ 50 ผู้ป่วยที่เกิดผลข้างเคียงนี้มี อายุเฉลี่ย 59.38+9.34 ปี เป็นผู้ป่วยที่ไม่มีโรคประจาตัวอื่นเลย 6 ราย (ร้อยละ 46.15) และมีโรคความดันโลหิตสูงร่วมกับไขมันในเลือดผิดปกติ 5 ราย (ร้อยละ 38.46) ยาเคมีบาบัดที่ผู้ป่วยได้รับร่วมกับยา Trastuzumab ส่วนใหญ่คือสูตร AC->T ซึ่งได้แก่ Doxurubicin+Cyclophosphamide+Paclitaxel มีจานวน 6 ราย (ร้อยละ 46.15) ข้อมูลที่ได้จากงานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า ผลลดการทางานของหัวใจเป็นอาการไม่พึงประสงค์ที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับยา Trastuzumab และผู้ป่วยที่มีอาการไม่พึงประสงค์นี้ส่วนใหญ่เคยได้รับเคมีบาบัดสูตร AC->T