dc.contributor.advisor |
วิภาพร พนาพิศาล |
|
dc.contributor.advisor |
อารีรัตน์ ลออปักษา |
|
dc.contributor.advisor |
อัญญพร ตันศิริคงคล |
|
dc.contributor.author |
ฐิติรัตน์ ลิ่มดุลย์ |
|
dc.contributor.author |
ธนิต วิริยะธารากิจ |
|
dc.contributor.author |
ธัชพงศ์ ธรรมบรรหาร |
|
dc.contributor.other |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะเภสัชศาสตร์ |
|
dc.date.accessioned |
2015-08-12T14:40:29Z |
|
dc.date.available |
2015-08-12T14:40:29Z |
|
dc.date.issued |
2555 |
|
dc.identifier.other |
Sepr 10/55 ค2.6 |
|
dc.identifier.uri |
http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/44259 |
|
dc.description.abstract |
ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันได้มีการค้นพบว่า น้าผึ้งใช้รักษาแผลติดเชื้อที่ผิวหนังได้ ซึ่งเชื้อสาเหตุหลักมักจะเกิดจากเชื้อ Staphylococcus aureus (S. aureus) แต่การนาน้าผึ้งมาใช้โดยตรงก่อให้เกิดความไม่สะดวกแก่ผู้ใช้ได้ เนื่องจากน้าผึ้งมีลักษณะเหลวและไหลได้ ทั้งยังก่อให้ เกิดความเหนอะหนะบริเวณที่ทา ดังนั้นคณะผู้วิจัยจึงศึกษาหาชนิดและปริมาณของน้าผึ้งจากดอกไม้ต่างๆที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อ เพื่อตั้งเป็นสูตรตารับครีมซึ่งมีประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อ สะดวกต่อผู้ใช้ และให้ลักษณะสัมผัสที่ดีเมื่อทาบริเวณผิวหนัง ในการทดลองหาชนิดของน้าผึ้งที่เหมาะสมในการยับยั้งเชื้อโดยวิธี agar diffusion method พบว่าน้าผึ้งดอกลาไยและน้าผึ้งดอกงามีขนาดโซนใสแตกต่างจากน้ากลั่นและมากกว่าน้าผึ้งจากดอกไม้ชนิดอื่นๆอย่างมีนัยสาคัญ (p-value < 0.05) จากนั้นได้หาความเข้มข้นของน้าผึ้งที่ต่าที่สุดที่สามารถยับยั้งเชื้อ S. aureus ATCC 25923 ได้ (ค่า MIC) โดยวิธี broth dilution method พบว่าค่า MIC ของน้าผึ้งดอกลาไยเท่ากับ 0.2 กรัม/มิลลิลิตร และน้าผึ้งดอกงาเท่ากับ 0.15 กรัม/มิลลิลิตร จึงได้เลือกน้าผึ้งดอกงามาพัฒนาเป็นครีมรักษาแผลติดเชื้อบริเวณผิวหนังต่อไป การตั้งตารับยาพื้นครีมชนิดน้ามันในน้าที่เหมาะสมที่มีชนิดและปริมาณของสารก่ออิมัลชันต่างๆโดยวิธี beaker method พบว่าสูตรตารับที่ใช้ Span®80 และ Tween®80 ร้อยละ 4 และ GMS SE ร้อยละ 3, 4 และ 5 ของสูตรตารับเป็นสารก่ออิมัลชัน มีความคงตัวหลังผ่านสภาวะเร่งที่อุณหภูมิ 45 สลับกับ 4 องศาเซลเซียส จานวน 6 รอบ และเมื่อนาไปพัฒนาเป็นสูตรตารับครีมน้าผึ้งประกอบด้วยน้าผึ้งดอกงาความเข้มข้น 0.3 กรัม/มิลลิลิตร พบว่าสูตรตารับครีมน้าผึ้งที่ใช้ GMS SE มีความคงตัวหลังผ่านสภาวะเร่ง การนาครีมน้าผึ้งที่พัฒนาได้ไปทดสอบฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อ พบว่าครีมน้าผึ้งที่ใช้สารก่ออิมัลชันเป็น GMS SE ร้อยละ 3 ให้ขนาดโซนใสที่แตกต่างจากยาพื้นครีมอย่างมีนัยสาคัญ (p-value < 0.05) และมีค่าเฉลี่ยของขนาดโซนใสดีที่สุด น้าผึ้งดอกงามีประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อ S. aureus ATCC 25923 ได้ดีกว่าน้าผึ้งชนิดอื่นที่ทาการศึกษา และยาพื้นครีมที่ใช้ GMS SE ปริมาณร้อยละ 3 เป็นสารก่ออิมัลชันมีความคงตัวดีในสภาวะเร่ง สามารถบรรจุน้าผึ้งดอกงาที่ความเข้มข้น 0.3 กรัม/มิลลิลิตร และยังคงมีความคงตัวดี รวมทั้งมีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อ S. aureus ATCC 25923 เมื่อเทียบกับยาพื้นครีม |
en_US |
dc.language.iso |
th |
en_US |
dc.publisher |
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.rights |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
en_US |
dc.subject |
Staphylococcus aureus infections |
en_US |
dc.subject |
Wounds and injuries -- Infections -- Treatment |
en_US |
dc.subject |
บาดแผลและบาดเจ็บ -- การติดเชื้อ -- การรักษา |
en_US |
dc.title |
การตั้งสูตรตำรับครีมน้ำผึ้งสำหรับรักษาแผลติดเชื้อ Staphylococcus aureus |
en_US |
dc.type |
Senior Project |
en_US |
dc.email.advisor |
ไม่มีข้อมูล |
|
dc.email.advisor |
Areerat.L@Chula.ac.th |
|
dc.email.advisor |
ไม่มีข้อมูล |
|