Abstract:
เนื่องจากประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิตและโอนและการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ค.ศ. 1997 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 ประเทศไทยย่อมได้รับผลกระทบต่าง ๆ จากการเข้าเป็นภาคีดังกล่าว ทั้งทางด้านกฎหมายและด้านการปฏิบัติ แต่เนื่องจากเมื่อเข้าเป็นภาคี แห่งอนุสัญญาแล้วประเทศไทยย่อมผูกพันที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้เป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่ว่า พันธกรณีตามสนธิสัญญาต้องได้รับการเคารพและถือปฏิบัติตาม ซึ่งอนุสัญญาฉบับนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศในการห้ามใช้และการจำกัดการใช้อาวุธในการพิพาทด้วยอาวุธไม่ว่าในสถานการณ์ใด ๆ ก็ตาม สาระสำคัญของอนุสัญญามุ่งเน้นในเรื่องของการห้ามใช้ สะสม ผลิต พัฒนาและโอนซึ่งทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และให้ทำลายทุ่นระเบิดดังกล่าวให้หมดสิ้นไปภายในระยะเวลาที่กำหนด ดำเนินมาตรการด้านกฎหมาย ด้านบริหารและด้านอื่น ๆ ที่เหมาะสม กำหนดบทลงโทษทางอาญาต่อผู้ละเมิดต่ออนุสัญญา รวมทั้งกำหนดให้ประเทศภาคีให้ความช่วยเหลือเยียวยา รักษาและฟื้นฟูผู้ประสบภัยทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอีกด้วย เมื่อพิจารณาพันธกรณี แห่งอนุสัญญาประกอบกับบทบัญญัติกฎหมายภายในต่าง ๆ ของประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว จะเห็นได้ว่าบทบัญญัติกฎหมายภายในเหล่านั้นยังไม่เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติตามพันธกรณีให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากนัก ดังนั้นจึงควรมีการบัญญัติกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ใด ๆ ที่สอดคล้องต่อการปฏิบัติตามพันธกรณีแห่งอนุสัญญา ทั้งนี้เพื่อให้การปฏิบัติตามพันธกรณีและการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของประเทศไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น