Abstract:
ประเทศไทยมีความเป็นเอกราชทางการศาลมาแต่ครั้งอดีตกาล จนกระทั่งในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประเทศไทยจำต้องยอมทำสนธิสัญญาเบาริงก์ (Bowring Treaty) กับประเทศอังกฤษ เป็นเหตุให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเอกราชในทางการศาลที่เรียกว่า "สิทธิสภาพนอกอาณาเขต" ซึ่งภายหลังประเทศไทยได้มีการทำสนธิสัญญาในลักษณะนี้กับอีกหลายประเทศ สาเหตุสำคัญประการหนึ่งของการสูญเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขตนี้ ได้แก่ กฎหมายไทยที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น คือ "กฎหมายตราสามดวง" เป็นกฎหมายที่ล้าสมัยและมีบทลงโทษทางอาญาที่รุนแรง เป็นเหตุให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริในการปรับปรุงกฎหมายและการศาลไทย รวมถึงการจัดทำประมวลกฎหมายอาญาขึ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2451 จึงได้มีการประกาศใช้กฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 ซึ่งถือเป็นประมวลกฎหมายฉบับแรกของไทย แต่จากการศึกษาประวัติศาสตร์กฎหมายอาญาในช่วงก่อนนั้นจะพบว่า ได้มีความพยายามในการร่างกฎหมายอาญาขึ้นก่อนหน้าฉบับหนึ่ง คือ "ร่างพระราชกำหนดลักษประทุษร้ายแก่ร่างกายแลชีวิตมนุษย์ รัตนโกสินทร ศก 118" และถือเป็นร่างกฎหมายอาญาที่กำหนดความผิดต่อชีวิตและความผิดต่อร่างกายที่ร่างขึ้นโดยคนไทย โดยมิได้มีชาวต่างประเทศเข้าร่วมด้วย กฎหมายตราสามดวงเป็นกฎหมายไทยที่ใช้บังคับอยู่ในรัชสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ โดยรวบรวมขึ้นจากกฎหมายเก่าสมัยกรุงศรีอยุธยาโดยมีการชำระจัดทำในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จากการศึกษาจะพบว่ามีบทพระไอยการที่บัญญัติลงโทษสำหรับความผิดต่อชีวิตและผิดต่อร่างกาย รวม 4 ลักษณะ ได้แก่ พระไอยการอาญาหลวง พระไอยการอาญาราษ พระไอยการลักษณโจร และ พระไอยการลักษณวิวาทตีด่ากัน ซึ่งเมื่อศึกษาหลักการ แนวคิด และทฤษฎีกฎหมายอาญาเก่าจะพบว่าเกิดปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายหลายประการ ประกอบกับมีลักษณะบางประการที่ไม่ทันสมัย จากการศึกษาหลักการ แนวคิด และทฤษฎีกฎหมายอาญาใหม่ สำหรับความผิดต่อชีวิตและความผิดต่อร่างกายตามร่างพระราชกำหนดลักษณประทุษฐร้ายแก่ร่างกายแลชีวิตมนุษย์ รัตนโกสินทร ศก 118 พบว่ามีการพัฒนาขึ้นจากที่ปรากฏในกฎหมายตราสามดวง ทั้งในส่วนของการจำแนกความผิดอาญา องค์ประกอบภายใน พยายามกระทำความผิดผู้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด โทษ การแบ่งแยกความรับผิดทางแพ่งจากทางอาญา และการแบ่งแยกกฎหมายสารบัญญัติจากกฎหมายวิธีสบัญญัติ ได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างมากโดยได้รับอิทธิพลหลักกฎหมายอาญาของประเทศอังกฤษที่ใช้บังคับอยู่ในสมัยนั้นคือ พระราชบัญญัติความผิดต่อบุคคล ค.ศ.๑๘๖๑ (The Offences Against the Person Act, 1861) และหลักคอมมอนลอว์ (common law) ซึ่งก่อให้เกิดหลักกฎหมายอาญาใหม่ขึ้นหลายประการ เช่น หลักเจตนาโดยผลของกฎหมายหรือหลักเจตนาโอน เป็นต้น และหลักกฎหมายเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังปรากฏอยู่ในประมวลกฎหมายอาญาฉบับปัจจุบันดังนั้น ร่างพระราชกำหนดลักษณประทุษฐร้ายแก่ร่างกายแลชีวิตรมนุษย์ รัตนโกสินทร ศก ๑๑๘ จึงแสดงถึงความพยามยามของคนไทยในการนำหลักกฎหมายอาญาใหม่มาใช้ โดยเป็นผลิตผลจากภูมิปัญญาของคนไทยที่ควรค่าแก่ การศึกษา แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ร่างพระราชกำหนดฉบับนี้มิได้ถูกประกาศใช้เป็นกฎหมาย