Abstract:
เพื่อเปรียบเทียบการทำงานซีสโตลิกของหัวใจห้องล่างซ้ายในผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเดงกิวในระยะวิกฤติและหลังจากระยะฟื้นโรค โดยการวัดค่า ejection fraction และ velocity of circumferential fiber shortening/end systolic wall stress relationship (VCFC/ESS) Z-score จากคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ รูปแบบการวิจัย: การวิจัยเชิงวิเคราะห์ ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง (Cross-sectional analytic study) สถานที่ศึกษา: ภาควิชากุมารเวชศาสตร์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ประชากร: ผู้ป่วยเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งติดเชื้อไวรัสเดงกิว โดยได้รับการยืนยันทางน้ำเหลืองวิทยา และมีอาการทางคลินิกของ dengue hemorrhagic fever (DHF) และเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตั้งแต่ 1 เมษายน 2543 ถึง 31 มีนาคม 2544 วิธีการศึกษา: ผู้ป่วยที่ทำการศึกษาจะได้รับการซักประวัติ ตรวจร่างกาย เก็บตัวอย่างเลือดเพื่อการวินิจฉัยทางน้ำเหลืองวิทยา ตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจในระยะวิกฤติ ระยะพักฟื้น และเมื่อติดตามอาการเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ โดยเก็บข้อมูลเกี่ยวกับ ejection fraction (EF), velocity of circumferential fiber shortening/end systolic wall stress relationship (VCFC/ESS) Z-score และเปรียบเทียบค่าเหล่านี้ในระหว่างระยะวิกฤติกับหลังจากระยะฟื้นโรค โดยใช้การทดสอบ paired t ค่า p<0.05 ถือว่ามีนัยสำคัญทางสถิติ ผลการศึกษา: ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเดงกิวที่ได้รับการยืนยันทางน้ำเหลืองวิทยาจำนวน 18 ราย เพศชาย 10 คน เพศหยิง 8 คน อายุเฉลี่ย 11.3 ปี พบว่าค่า ejection fraction ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในระยะวิกฤติของโรค (56.1+-8.3% เทียบกับ 63.2+-4.5%, p<0.001) ค่า VCFC/ESS Z-score ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในระยะวิกฤติของโรค (ค่า Z-score -1.1+-2.6 เทียบกับ 0.2+-1.3, p = 0.026) ค่า ejection fraction และ VCFC/ESS Z-score ในผู้ป่วยกลุ่มช็อก (EF = 56.0+-5.4%, VCFC = -1+-0.1, n = 7) และไม่ช็อก (EF = 56.4+-0.1%, VCFC = -1.2+-3.9, n = 11) ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ผลสรุป: การศึกษาผู้ป่วยในระยะวิกฤติของโรคไข้เลือดออกเดงกิว พบว่าการทำงานซีสโตลิกของหัวใจห้องล่างซ้ายลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มช็อกกับไม่ช็อก พบมีค่าเฉลี่ยของการทำงานซีสโตลิกของหัวใจห้องล่างซ้ายไม่แตกต่างกัน สาเหตุของความผิดปกตินี้ยังคงต้องได้รับการศึกษาค้นคว้าต่อไป