Abstract:
ปัญหาการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กมิได้เป็นปรากฏการณ์ใหม่แต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาก็ยังคงมีการเพิ่มจำนวนของการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กเรื่อยมาในหลายประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งประกอบไปด้วยประเทศไทย ประเทศเวียดนาม ประเทศกัมพูชา ประเทศประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประเทศบรูไนดารุสซาลาม ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศมาเลเซีย ประเทศพม่า และประเทศสิงคโปร์ ซึ่งในทางระหว่างประเทศมีพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก เรื่องการขายเด็ก การค้าประเวณีเด็ก และสื่อลามกที่เกี่ยวกับเด็ก ค.ศ. 2000 (OPSC) โดยมุ่งเน้นถึงการป้องกันและคุ้มครองเด็กจากการถูกแสวงหาประโยชน์ทางเพศไว้โดยเฉพาะ ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนส่วนใหญ่เป็นภาคีจึงต้องดำเนินการตามพิธีสารเลือกรับฉบับนี้ ซึ่งมีการดำเนินการตามพิธีสารเลือกรับไม่มากก็น้อยในแต่ละประเทศแตกต่างกันไป และมีเพียงประเทศสิงคโปร์เท่านั้นที่ยังไม่ได้เข้าเป็นภาคีในพิธีสารเลือกรับดังกล่าว จึงทำให้ยากต่อการต่อต้านการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กได้อย่างมีประสิทธิผล ปัญหาดังกล่าวจึงเป็นปัญหาของภูมิภาคที่ทุกประเทศต้องร่วมกันแก้ไขโดยการเสริมสร้างมาตรการความร่วมมือทางกฎหมายทั้งภายในรัฐและระหว่างรัฐ จากการวิเคราะห์มาตรการของบรรดาประเทศสมาชิกอาเซียนที่เป็นภาคีและไม่เป็นภาคีของพิธีสารเลือกรับดังกล่าว ประเทศที่เป็นภาคียังคงต้องมีการแก้ไขกฎหมายภายในให้มีความสอดคล้องกับพิธีสารเลือกรับอยู่ ทั้งในเรื่องของการกำหนดอายุเด็กที่ได้รับความคุ้มครอง การบัญญัติกฎหมายห้ามการขายเด็กและ/หรือค้าเด็กทางเพศ การค้าประเวณี และสื่อลามกเด็ก การกำหนดเขตอำนาจศาลและสิทธิสภาพนอกอาณาเขต มาตรการป้องกันการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็ก และมาตรการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายที่เป็นเด็ก รวมถึงความร่วมมือระหว่างประเทศทั้งในเรื่องของการส่งผู้ร้ายข้ามแดน การให้ความร่วมมือในทางคดีอาญา การป้องกันและคุ้มครองเด็กจากการถูกแสวงหาประโยชน์ทางเพศ และให้รัฐที่ยังไม่ได้เป็นภาคีเป็นภาคีเพื่อที่จะให้เกิดความสอดคล้องกันทั้งกฎหมายภายในรัฐและระหว่างรัฐในแถบภูมิภาคอาเซียนด้วยเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในการต่อต้านการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็ก