Abstract:
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีความพยายามในการปราบปรามการก่อการร้าย โดยใช้มาตรการที่เรียกว่า "มาตรการบังคับแบบเป้าหมาย" กับบุคคลหรือองค์กรธุรกิจที่ให้การสนับสนุนการก่อการร้าย โดยการขึ้นบัญชีรายชื่อของผู้ก่อการร้าย ระงับการดำเนินการทางทรัพย์สินและห้ามบุคคลเหล่านั้นเดินทาง พันธกรณีตามข้อมติออกภายใต้หมวด 7 แห่งกฎบัตรถือว่าเหนือกว่าพันธกรณีตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศอื่นและมีผลผูกพันต่อรัฐสมาชิกสหประชาชาติและองค์การระหว่างประเทศที่จะต้องนำมาตรการไปปฏิบัติในเขตอำนาจตน สหภาพยุโรปต่างจากรัฐสมาชิกยุโรปที่ว่ามิได้เป็นทั้งสมาชิกและภาคีของสหประชาชาติที่จะต้องปฏิบัติตามข้อมติ อย่างไรก็ตามสหภาพยุโรปได้นำข้อมติไปปฏิบัติและใช้มาตรการบังคับต่อตัวบุคคลหรือองค์กรธุรกิจที่ถูกขึ้นบัญชี มาตรการบังคับถูกวิจารณ์ว่าละเมิดต่อสิทธิขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะสิทธิที่จะทราบข้อกล่าวหา สิทธิในทรัพย์สินและสิทธิในการที่จะได้รับการเยียวยา วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างกฎบัตรและกฎหมายยุโรปและการนำกฎบัตรเข้าสู่ระบบกฎหมายยุโรปโดยวิเคราะห์จากคำตัดสินของศาลยุติธรรมแห่งยุโรปในคดี Kadi I และ Kadi II จากการศึกษาพบว่าศาลยุติธรรมยุโรปมีความเห็นต่างกันเรื่องการยอมรับกฎบัตรเข้าสู่ระบบกฎหมาย อำนาจของศาลในการวินิจฉัยความชอบด้วยกฎหมายของข้อมติและการให้ความคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐาน การศึกษายังพบอีกว่าคำวินิจฉัยของศาลในคดี Kadi I และ Kadi II ได้ให้บทเรียนแก่องค์การสหประชาชาติ สหภาพยุโรปและรัฐสมาชิกในเกี่ยวกับกระบวนการขึ้นหรือลบบัญชีรายชื่อผู้ก่อการร้ายให้สอดคล้องกับการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ถูกขึ้นบัญชีรายชื่อ