Abstract:
กฎหมายศุลกากรเป็นกฎหมายมหาชนทางเศรษฐกิจอีกฉบับหนึ่งที่ภาครัฐใช้เป็นเครื่องมือในการจัดหารายได้และส่งเสริมการส่งออก โดยที่กฎหมายศุลกากรได้กำหนดมาตรการส่งเสริมการส่งออกไว้หลายมาตรการเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจทางการค้าระหว่างประเทศในขณะนั้น เช่น มาตรการด้านคลังสินค้าทัณฑ์บน เป็นต้น แต่ในปัจจุบัน นอกเหนือจากการมีมาตรการดังกล่าวแล้ว ประเทศไทยยังได้มีการทำความตกลงเขตการค้าเสรี(Free Trade Agreement: FTA) ซึ่งเป็นมาตรการที่กำหนดไว้ในข้อตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้า (General Agreement on Tariffs and Trade: GATT) เพิ่มมากขึ้น ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการได้รับสิทธิประโยชน์ในด้านการลดหรือยกเว้นอากรขาเข้าได้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีอัตราอากรขาเข้าสูง ในการใช้สิทธิประโยชน์ร่วมกันทั้งสองทางจะกระทำได้หรือไม่เพียงใดเพราะแต่ละมาตรการมีรายละเอียดและเงื่อนไขตลอดจนหลักกฎหมายที่ต่างกันไปนั้น พบว่ากฎหมายศุลกากรได้กำหนดการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรด้านคลังสินค้าทัณฑ์บนประเภทโรงผลิตสินค้าไว้อย่างแคบและไม่ชัดเจนเพียงพอ ทำให้เกิดปัญหาในการตีความ จึงไม่เอื้ออำนวยให้ผู้นำเข้าสามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรทั้งสองประเภทร่วมกันได้ อันก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการผลิตและการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ให้บรรลุตามเป้าหมายได้ ดังนั้น เพื่อให้กฎหมายศุลกากรสามารถใช้เป็นเครื่องมือของรัฐในการบริหารด้านเศรษฐกิจ และตอบสนองนวัตกรรมทางการค้าในปัจจุบันได้ ตลอดจนเพื่อให้เกิดความชัดเจนไม่ต้องอาศัยการตีความและเพื่อให้เกิด ความเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการทุกราย ในการแก้ไขปัญหาอย่างถาวร จึงควรให้มีการแก้ไขกฎหมายศุลกากรให้มีความหมายอย่างกว้าง เพื่อให้สามารถรองรับสภาวะเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันได้ นอกจากนี้ยังควรแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วนโดยการแก้ไขประกาศกระทรวงการคลังซึ่งเป็นกฎหมายลำดับรองก่อนอีกทางหนึ่งด้วย