Abstract:
อำนาจในการบังคับโทษปรับของพนักงานสอบสวนเป็นมาตรการหลักในการทำให้คดีอาญาเสร็จสิ้นได้ในชั้นพนักงานสอบสวนซึ่งโดยหลักแล้วอำนาจในการตัดสินลงโทษเป็นอำนาจของศาลเท่านั้น แต่การใช้อำนาจในการบังคับโทษปรับของพนักงานสอบสวนเป็นข้อยกเว้นเพื่อประโยชน์ในการลดคดีที่มีลักษณะเล็กน้อยไม่ให้เป็นภาระต่อศาลและอัยการ จึงมีแนวความคิดในการให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร เช่น พนักงานสอบสวนหรือเจ้าหน้าที่อื่นตามกฎหมายพิเศษบางฉบับ ในการรับชำระค่าปรับในอัตราอย่างสูงและเปรียบเทียบปรับซึ่งมีผลทำให้คดีอาญาเสร็จสิ้นลง นอกจากนี้ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ยังเปิดช่องให้พนักงานสอบสวนมีดุลพินิจในการใช้มาตรการทดแทนโทษปรับซึ่งได้แก่มาตรการว่ากล่าวตักเตือนควบคู่ไปกับดุลพินิจในการเปรียบเทียบคดี อย่างไรก็ตาม มาตรการว่ากล่าวตักเตือนนี้มีลักษณะไม่เป็นทางการ หรือเป็นการว่ากล่าวตักเตือนด้วยวาจา ในทางปฏิบัติจึงไม่นิยมใช้เนื่องด้วยรูปแบบของการว่ากล่าวตักเตือนด้วยวาจานี้ยังเป็นปัญหา เช่น ระบบของการใช้ดุลพินิจที่ยังไม่รัดกุม พนักงานสอบสวนจึงใช้มาตรการเปรียบเทียบคดีเสียมากกว่า ด้วยเหตุนี้ การนำมาตรการว่ากล่าวตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรมาใช้ในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 จะช่วยขจัดอุปสรรคดังกล่าวได้ เนื่องจากมาตรการว่ากล่าวตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรมีลักษณะที่เป็นทางการและเป็นสากล เช่น มีรูปแบบของการใช้ดุลพินิจที่รัดกุมและสามารถตรวจสอบการใช้ดุลพินิจได้ดีกว่ามาตรการว่ากล่าวตักเตือนด้วยวาจา