Abstract:
การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืองและฟื้นฟูชุมชนเมืองที่มีสภาพเสื่อมโทรม จึงมีแนวคิดการฟื้นฟูเมือง (Urban Renewal) โดยเกิดจากชุมชนเก่าที่อาคารมีอายุกว่า 30 ปีมีสภาพทรุดโทรม และสภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม รวมทั้งการใช้ประโยชน์ที่ดินไม่คุ้มค่า จึงเริ่มโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ในปี 2533 จนถึงปี 2555 ผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามแผน กคช.ยังไม่เคยมีการรวบรวมผลการดำเนินงาน อย่างเป็นระบบ การศึกษานี้ จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษานโยบาย แผนงาน ขั้นตอนวิธีการดำเนินงานและวิเคราะห์ ปัญหาอุปสรรคที่ทำให้โครงการไม่เป็นไปตามแผนการดำเนินงานและบันทึกอย่างเป็นระบบ ช่วงปี 2533-2543 มีแผนการรื้อย้ายโดยเตรียมโครงการดินแดง 4 จำนวน 352 หน่วย ไว้รองรับการ รื้อย้ายผู้อยู่อาศัยชั่วคราว โดยขั้นแรกให้รื้อย้ายผู้อยู่อาศัย จำนวน 336 หน่วย แต่ไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ รัฐบาลมีนโยบายให้ชะลอการลงทุนในภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ กคช.จึงได้ชะลอ การรื้อย้ายและนำโครงการดินแดง 4 ให้ประชาชนทั่วไปเช่า ส่งผลให้ไม่มีสถานที่รองรับการรื้อย้าย ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนผังแม่บทการพัฒนาพื้นที่และฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ช่วงปี 2544-2547 ได้มีการเจรจาแลกเปลี่ยนที่ดินกับ กทม.เพื่อจัดสร้างที่อยู่อาศัยรองรับผู้ถูกรื้อย้ายและมีการจัดประชุมชี้แจง และทำความเข้าใจกับผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ดินแดง 1,2 จำนวน 6,818 หน่วย รวมทั้งมีการจ้างตรวจสอบและประเมินสภาพอาคารพักอาศัยโครงการดินแดง 1,2 ช่วงปี 2548-2555 มีแผนที่จะดำเนินการสร้างที่พักอาศัยบริเวณสำนักงานเคหะชุมชนดินแดง 1 สำหรับรองรับการรื้อย้ายผู้อยู่อาศัยเดิมและบุคคลทั่วไปแต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจาก กคช. มีนโยบายที่จะนำพื้นที่นั้นหารายได้ และมีการต่อต้านจากชาวชุมชนโดยกลุ่ม ผู้ต่อต้านต้องการให้ซ่อมแซมอาคาร งานด้านสังคมมุ่งเน้นการจัดอบรม สัมมนาให้ความรู้มากกว่าการเจรจากับ ผู้อยู่อาศัย ดังนั้นปัญหาที่ทำให้การดำเนินงานโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงไม่เป็นไปตามแผนคือ นโยบาย ในการจัดทำโครงการไม่มีความชัดเจน ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อยครั้งการดำเนินกระบวนการ ทางสังคมขาดความต่อเนื่อง และโครงการยังไม่เป็นที่ยอมรับร่วมกันระหว่างชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การดำเนินงานโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงควรเป็นโครงการระดับชาติที่มีนโยบายชัดเจน และ มีการประสานงานระหว่างหน่วยงานและชุมชน และ กคช.ควรแสดงให้เห็นความสำคัญของโครงการที่ก่อให้เกิด ประโยชน์แก่สาธารณะ ไม่ใช่เป็นเพียงโครงการลงทุนของ กคช.เท่านั้น เมื่อสังคมโดยรวมเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม กระบวนการทางสังคมและการมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชนจะเกิดขึ้น และต้องมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง