Abstract:
การขนส่งวัสดุนิวเคลียร์และวัสดุกัมมันตรังสีอาจก่อให้เกิดอันตรายเนื่องจากการขนส่งเองหรือเกิดขึ้นจากสาเหตุของตัววัตถุเองที่มีความอันตราย ซึ่งเป็นผลให้เกิดความเสียหายอย่างมากมายอันไม่อาจคาดการณ์ได้ วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จะศึกษาถึงลักษณะของความรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นและแนวทางแก้ไขเยียวยาความเสียหายนั้น จากการศึกษาพบว่าหากมีความเสียหายเกิดขึ้นในระหว่างการขนส่ง ถ้าเป็นความผิดของผู้ขนส่ง ผู้ขนส่งต้องรับผิดในฐานะผู้ทำละเมิด แต่ถ้าหากเกิดจากวัสดุเองผู้ขนส่งก็ยังคงมีความรับผิดในฐานะผู้ครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 437 วรรค 2 อยู่ดี ซึ่งผู้ขนส่งต้องชดเชยความเสียหายนี้ให้กับผู้เสียหายที่ได้รับผลอันไม่อาจคำนวณความเสียหายได้ การเยียวยาที่เหมาะสมจึงต้องจัดให้มีการประกันภัย แต่กรมธรรม์ประกันภัยที่ศึกษามีข้อยกเว้นความคุ้มครองและยังไม่มีการรับประกันภัยในเรื่องนี้โดยเฉพาะ สำหรับประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศญี่ปุ่น พบว่ามีการรับประกันภัยการขนส่งเช่นนี้พร้อมกับมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อเยียวยาความรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากทั้งอุตสาหกรรมทางนิวเคลียร์และรังสี แต่ในประเทศไทยการขนส่งวัสดุนิวเคลียร์และวัสดุกัมมันตรังสีผู้ประกอบการภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องทางด้านนี้ยังมีจำนวนไม่มาก จึงไม่สามารถจะจัดตั้งกองทุนโดยรวบรวมเงินทุนจากภาคเอกชนได้ ผู้วิจัยเสนอแนะให้มีการปรับปรุงแก้ไขกรมธรรม์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ กรมธรรม์ความรับผิดตามกฎหมายจากการขนส่งวัตถุอันตรายทางบก ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องการประกันภัยความเสียหายจากการขนส่งวัตถุอันตราย พ.ศ.2549 และ(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 ให้คุ้มครองไปถึงความเสียหายทางนิวเคลียร์ เพิ่มหลักความรับผิดโดยเคร่งครัดของผู้ขนส่ง และควรมีกองทุนเยียวยาความเสียหายในเรื่องนี้โดยภาครัฐเป็นผู้รับผิดชอบหลัก โดยนำแนวทางการจัดตั้งกองทุนสิ่งแวดล้อมตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 มาปรับใช้