Abstract:
การค้นหาความเท็จจริงและการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาทำความเห็น การสั่งคดี การดำเนินคดี เพื่อให้ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานปรากฏแก่ศาลในชั้นพนักงานอัยการมีความสำคัญอย่างยิ่ง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 กำหนดให้พนักงานอัยการมีบทบาทเพิ่มมากขึ้น ทั้งบทบาทหน้าที่ในการรักษาผลประโยชน์ของรัฐ และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน การดำเนินคดีของพนักงานอัยการมีวิธีการดำเนินคดีหลายรูปแบบ ไม่ว่าการดำเนินคดีอาญา คดีแพ่ง คดีปกครอง ซึ่งเป็นหน้าที่ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ก่อนมีพระราชบัญญัติพนักงานอัยการ พุทธศักราช 2478 พระราชบัญญัติ พนักงานอัยการ พ.ศ. 2479 พระราชบัญญัติพนักงานอัยการ พ.ศ.2498 และต่อมาเมื่อตราพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2553 ได้กำหนดให้พนักงานอัยการมีอำนาจในการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดี คดีที่ต้องตั้งต้นที่พนักงานอัยการ หรือในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการตามรัฐธรรมนูญหรือตามกฎหมายอื่นนอกจากนี้ยังกำหนดให้มีมาตรการบังคับในการแสวงหาข้อเท็จจริงและการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานอัยการด้วยทั้งนี้เพื่อรองรับการทำหน้าที่ของพนักงานอัยการให้มีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามจากการศึกษาพบว่าปัจจุบัน การแสวงหาพยานหลักฐานและการรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อ ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการตามรัฐธรรมนูญหรือตามกฎหมายอื่น และวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งพยานหลักฐานในฐานะเป็นผู้เริ่มต้นคดี ยังไม่มีกฎระเบียบที่กำหนดรูปแบบ วิธีการดำเนินการรองรับไว้ชัดเจน ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดไม่ครอบคลุม ส่งผลให้การปฏิบัติงานพนักงานอัยการไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่สำนักงานอัยการสูงสุดต้องดำเนินการออกกฎหมายและออกระเบียบที่ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในการดำเนินต่างๆ โดยเร็ว