Abstract:
การลดขนาด PGF2alpha (Cloprostenol; EstroPLAN) แล้วฉีดเข้ามดลูกสามารถสลายคอร์ปัสลูเตียม และเหนี่ยวนำการเป็นสัดในแม่โคที่อยู่ในช่วงวันที่ 8-10 ของรอบการเป็นสัดในโคได้ จากการทดลองเหนี่ยวนำการเป็นสัดในแม่โคนมลูกผสมพันธุ์โฮลสไตน์ฟรีเชียนจากฟาร์มโคนม 3 ฟาร์ม และแบ่งโคออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก (26 ตัว) ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นสัดด้วยวิธีฉีด PGF2alpha ขนาด 500 mu g (2ml) เข้ากล้ามเนื้อ (กลุ่มควบคุม) กลุ่มที่ 2 (30 ตัว) และกลุ่มที่ 3 (30 ตัว) ถูกเหนี่ยวนำการเป็นสัดด้วย PGF2alpha 125 mu g (1/4โด๊ส) และ 62.5 mu g (1/8โด๊ส) ตามลำดับ โดยวิธีฉีดเข้าปีกมดลูกข้างเดียวกับที่ตรวจพบคอร์ปัสลูเตียมบนรังไข่โดยใช้เทคนิคเช่นเดียวกับการผสมเทียม ระดับโปรเจสเทอโรนของโคทั้ง 3 กลุ่มลดลงต่ำกว่า 0.5 ng/ml ภายใน 3 วัน หลังฉีดไม่แตกต่างกัน (P>0.05) คือ 84.62, 73.33 และ 63.33% ตามลำดับ ระดับโปรเจสเทอโรนในกระแสเลือดในวันเริ่มการทดลอง (วันที่ 0) ในแม่โคทั้ง 3 กลุ่มไม่แตกต่างกัน (P>0.05) คือ 3.10+-1.52, 3.06+-1.13 และ 3.44+-1.43 ng/ml ตามลำดับ ระดับโปรเจสเทอโรนในวันที่ 1 และ 3 หลังการทดลองลดต่ำลงทั้ง 3 กลุ่ม และไม่แตกต่างกัน (P>0.05) คือ 0.58+-0.75, 0.92+-1.01 และ 1.20+-1.39 ng/ml ตามลำดับในวันที่ 1 หลังการทดลอง และ 0.53+-0.85, 0.54+-0.82 และ 0.70+-1.03 ng/ml ตามลำดับในวันที่ 3 หลังการทดลอง ร้อยละของโคที่ระดับโปรเจสเทอโรนลดลงต่ำกว่า 0.5 ng/ml ภายใน 3 วันและระดับโปรเจสเทอโรนหลังการทดลองของโคแต่ละกลุ่มของแต่ละฟาร์มไม่แตกต่างกัน (P>0.05) การศึกษาครั้งนี้สรุปว่าการฉีด PGF2alpha โดยลดขนาดลงเหลือ 1/4 และ 1/8 โด๊ส เข้าสู่ปีกมดลูกข้างเดียวกับที่ตรวจพบคอร์ปัสลูเตียม ระยะ 8-10 วันของรอบการเป็นสัด สามารถลดระดับโปรเจสเทอโรนในกระแสเลือดภายใน 3 วันหลังฉีดไม่แตกต่างกับการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ และสามารถใช้เหนี่ยวนำให้แม่โคกลับเป็นสัดหลังคลอดได้