Abstract:
ปัจจุบันการลักลอบและค้ายาเสพติดในเรือนจำและทัณฑสถานส่วนใหญ่เป็นการดำเนินการในรูปของธุรกิจที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายค้ายาเสพติดนอกเรือนจำและมีผู้ต้องขังเป็นผู้สั่งการ ด้วยเหตุนี้ นอกจากความเสียหายจะเกิดขึ้นต่อระบบราชทัณฑ์แล้ว จึงขยายขอบเขตออกไปยังสังคมนอกเรือนจำด้วย แม้ที่ผ่านมารัฐบาลและกรมราชทัณฑ์จะกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามหลายประการเพื่อแก้ไขปัญหา แต่ก็ไม่สามารถขจัดปัญหาดังกล่าวให้หมดสิ้นไปจากเรือนจำและทัณฑสถานได้ จากการศึกษา พบว่าการไม่สามารถแยกผู้ต้องขังที่มีปัญหาและมีพฤติกรรมลักลอบและค้ายาเสพติดออกจากผู้ต้องขังอื่นได้อย่างเด็ดขาดนั้น เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มาตรการต่างๆ ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ ซึ่งปัจจัยหนึ่งเป็นผลมาจากกระบวนการยุติธรรมและกฎหมายยาเสพติดที่ทำให้เรือนจำและทัณฑสถานต้องรับภาระควบคุมผู้ต้องขังในคดียาเสพติดจนเกินความจำเป็น และทำให้ผู้ต้องขังที่มีศักยภาพในการลักลอบและค้ายาเสพติดยังมีช่องทางที่จะอาศัยผู้ต้องขังอื่นและบุคคลภายนอกเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดอยู่ได้ ดังนั้น มาตรการที่เหมาะสมจึงควรเป็นมาตรการที่สามารถแยกผู้ต้องขังที่มีปัญหามิให้ติดต่อหรือรับความช่วยเหลือจากผู้ต้องขังอื่นและบุคคลภายนอกได้ ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะต้องเริ่มตั้งแต่ในชั้นก่อนเข้าสู่เรือนจำ โดยนำแนวคิดการเบี่ยงเบนออกจากกระบวนการยุติธรรมมาใช้ และหากเมื่อถึงชั้นเรือนจำ แต่ละเรือนจำจะต้องมีการกำหนดมาตรการจัดการผู้ต้องขังที่มีปัญหาที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน พร้อมมีเรือนจำสำหรับผู้ต้องขังกลุ่มนี้โดยเฉพาะและกำหนดให้การลักลอบและค้ายาเสพติดเป็นความผิดทางวินัยและทางอาญาขั้นสูงสุด เพื่อให้เกิดความเกรงกลัวและไม่กล้าให้ความช่วยเหลือเครือข่ายค้ายาเสพติดในเรือนจำ เมื่อเครือข่ายเหล่านี้ไม่มีเครื่องมือในการกระทำความผิด การลักลอบและค้ายาเสพติดในเรือนจำและทัณฑสถานก็จะหมดสิ้นไป