Abstract:
การศึกษาวิทยานิพนธ์นี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research) ด้วยการศึกษาวิจัยจากเอกสาร (Documentary research)โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับและข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนด้านกิจการสื่อสารโทรคมนาคมไทยเปรียบเทียบกับกฎหมายของสหรัฐอเมริกา มาเลเซียและสิงคโปร์เพื่อวิเคราะห์ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเรื่องการกำหนดข้อห้ามการกระทำที่มีลักษณะเป็นการครอบงำกิจการโดยคนต่างด้าวเป็นสำคัญ เพราะกฎหมายดังกล่าวได้กำหนดให้ภาระการตรวจสอบโดยผู้ประกอบกิจการเองซึ่งเห็นว่ายังไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการกระทำผิดกฎหมายได้ และเพื่อนำผลการศึกษาตลอดจนเสนอแนะแนวทางใหม่ด้วยการแก้ไขกฎหมายเพื่อกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมในยุคหลอมรวมสื่อในการรับการลงทุนจากต่างชาติ ภายใต้นโยบายและมาตรการในการรับการลงทุน กลไกการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นแนวทางที่ชัดเจนและเหมาะสมเพราะปัจจุบันกฎหมายยังไม่มีประสิทธิภาพและรัดกุมเพียงพอ โดยกำหนดสมมุติฐานเรื่องการกำกับดูแลกิจการสื่อสารโทรคมนาคมในยุคหลอมรวมสื่อซึ่งมีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติเพื่อป้องกันความเสี่ยงภัยก่อนการเปิดเสรีกิจการสื่อสารโทรคมนาคมและเพื่อการรับการลงทุนจากต่างชาติอย่างเหมาะสมและมีความเป็นธรรมต่อคนชาติและคนต่างด้าวบนพื้นฐานที่เท่าเทียมกัน อนึ่ง ในการกำกับดูแลผู้ลงทุนต่างชาติต้องตรวจสอบอย่างเคร่งครัดอันจะส่งผลให้รัฐที่รับการลงทุนมีเสถียรภาพและเกิดประโยชน์ต่อผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างยั่งยืน ผลการศึกษาพบว่าการจำกัดสัดส่วนการถือครองหุ้นโดยนักลงทุนต่างชาติไม่สำคัญเท่ากับการตรวจสอบกิจการและผู้บริหารกิจการ จากการศึกษาพบว่าประเทศสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญด้านความมั่นคงของชาติกับเรื่องการลงทุนที่กระทบต่อกิจการยุทธศาสตร์ชาติซึ่งรวมถึงกิจการสื่อสารโทรคมด้านอินเทอร์เน็ตเพื่อป้องกันการก่อการร้ายและความเสี่ยงด้านข้อมูลดิจิทัล สำหรับประเทศสิงคโปร์คำนึงถึงความมั่นคงของชาติโดยให้ความสำคัญด้านการค้าการลงทุน ส่วนประเทศมาเลเซียนั้นให้การสนับสนุนการลงทุนจากต่างชาติและการป้องกันความมั่นคงของชาติมิให้มีการละเมิดศาสนาอิสลาผ่านการสื่อสารทางอินเทอร์เน็ต สำหรับประเทศไทยนั้นรัฐบาลมุ่งขยายการลงทุนโครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติโดยสนับสนุนการลงทุนจากต่างชาติและให้ความสำคัญด้านความมั่นคงของชาติในการป้องกันมิให้ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในรัฐบาล นักการเมืองหรือฝ่ายปกครองถือหุ้นหรือเกี่ยวข้องกับกิจการสื่อสารโทรคมนาคมดังกล่าวทั้งนี้รัฐธรรมนูญของประเทศไทยได้แสดงเจตนารมณ์ดังกล่าวไว้ด้วย โดยสรุป การกำกับดูแลกิจการสื่อสารโทรคมนาคมในยุคหลอมรวมสื่อที่มีประสิทธิภาพ ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานสากลโดยมีการตรวจสอบกิจการอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใสเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎหมายภายในที่กำหนดไว้พร้อมไปกับต้องป้องกันความเสี่ยงภัยต่อความมั่นคงของชาติให้พัฒนาการด้านสื่อสารโทรคมนาคมมีความยั่งยืน ดังนั้น การกำกับดูแลที่สำคัญถือว่ามีประสิทธิภาพ คือ นโยบายการรับการลงทุนจากต่างชาติต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์สากลและเป็นที่ยอมรับเพราะมีความชัดเจน โปร่งใสและไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งมาตรการจำกัดสัดส่วนการถือครองหุ้นจากต่างชาตินั้นเหมาะสมแล้วแต่ต้องแก้ไขกฎหมายเพื่อกำหนดหน้าที่ในการตรวจสอบผู้ถือหุ้นโดยอ้อมรวมถึงความเกี่ยวพันของผู้ใดกับกรรมการและผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจบริหารบริษัท และกำหนดกิจการที่ต้องถูกตรวจสอบเพื่อลดความเสี่ยงภัยต่อความมั่นคงของชาติอีกด้วย