Abstract:
วัตถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์การยับยั้งทำงานของเกร็ดเลือด (หน่วยเป็น %) ในขณะเริ่มทำ Primary PCI โดยใช้ Verifynow P2Y12 assay ในผู้ป่วย STEMI ที่มาที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ระหว่างผู้ป่วยที่ได้รับ Ticagrelor เทียบกับผู้ป่วยที่ได้รับ Clopidogrel ที่มาและเหตุผล การศึกษาก่อนหน้านี้ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่สูงกว่าในเรื่องการยับยั้งการทำงานของเกร็ดเลือดของ Ticagrelor เมื่อเทียบกับ Clopidogrel ในผู้ป่วย Stable coronary artery disease (CAD) และ Acute coronary syndrome ( ACS) แต่ข้อมูลในเรื่องระดับการยับยั้งการทำงานของเกร็ดเลือดในขณะทำ Primary PCI ยังไม่ชัดเจน วิธีการศึกษาวิจัย ผู้ป่วย STEMI ที่จะทำ Primary PCI แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มโดยวิธีการแบบสุ่มโดยผู้ป่วย 9 รายได้ Ticagrelor ขนาด 180 มิลลิกรัมและผู้ป่วยอีก 9 รายได้ Clopidogrel ขนาด 600 มิลลิกรัมที่ห้องฉุกเฉินก่อนที่จะไปทำ Primary PCI มีการเก็บเลือดเพื่อนำไปตรวจการยับยั้งการทำงานของเกร็ดเลือดก่อนการให้ยาต้านเกร็ดเลือด, ขณะเริ่มทำ Primary PCI และ 2 ชั่วโมงหลังให้ยาต้านเกร็ดเลือด ผลการศึกษา ค่าเฉลี่ยการยับยั้งการทำงานของเกร็ดเลือดขณะทำ Primary PCI นั้นมีค่าค่อนข้างต่ำในทั้ง 2 กลุ่ม โดยแนวโน้มของกลุ่มที่ได้ Ticagrelor จะมีค่าการยับยั้งการทำงานของเกร็ดเลือดสูงกว่า แต่ไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้ Clopidogrel โดยกลุ่มที่ได้ Ticagrelor มีค่าการยับยั้งการทำงานของเกร็ดเลือดเท่ากับ 21.9 ± 15.4% ในขณะที่กลุ่มที่ได้ Clopidogrel มีค่าเท่ากับ 11.7 ± 10.9%, p = 0.125 ระยะเวลาตั้งแต่ให้ยาจนถึงเริ่มทำ Primary PCI ของทั้งสองกลุ่มค่อนข้างสั้น และไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยกลุ่มที่ได้ Ticagrelor มีค่า 30 ± 6.8 นาที ในขณะกลุ่มที่ได้ Clopidogrel มีค่า 24.2 ± 6.9 นาที, p = 0.068 สรุปผลการศึกษา ผู้ป่วย STEMI ที่ห้องฉุกเฉินที่มีการวางแผนทำ Primary PCI และระยะเวลาตั้งแต่การให้ยาต้านเกร็ดเลือดจนถึงเวลาที่ทำ Primary PCI สั้นมาก ค่าเฉลี่ยการยับยั้งการทำงานของเกร็ดเลือดมีค่าค่อนข้างต่ำ และไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างผู้ป่วยที่ได้รับ Ticagrelor เปรียบเทียบกับผู้ป่วยที่ได้รับ Clopidogrel