Abstract:
ปัจจุบันพบว่ามีประชากรทั่วโลกที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี แบบเรื้อรังประมาณ 400 ล้านคนซึ่งนำไปสู่การเกิดโรคตับแข็งและมะเร็งตับ ต่อมาพบว่าประชากรโลกมีแนวโน้มการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ลดลงรวมทั้งประชากรไทย อันเนื่องมาจากในปีพ.ศ. 2535 กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้ทารกแรกเกิดทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี โดยบรรจุลงในการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคหรือ Expanded Program on Immunization (EPI) ของประเทศ ในปี พ.ศ. 2557 หลังจากประเทศไทยได้เริ่มโครงการ EPI มาแล้วเป็นเวลา 22 ปีจึงต้องการที่จะศึกษาถึงระบาดวิทยาระดับโมเลกุลของไวรัสตับอักเสบ บี ในประเทศไทย โดยทำการเก็บตัวอย่างซีรั่มจากประชากรชาวไทยอายุระหว่าง 6 เดือนถึง 60 ปี ที่มารับบริการจากโรงพยาบาลของรัฐจากตัวแทนทั้ง 4 ภาค เก็บตัวอย่างได้ทั้งหมด 5,964 ตัวอย่าง ทำการด้วยตรวจโดยวิธี Enzyme-linked immunosorbent assay (ELISA) พบตัวอย่างที่ให้ผลบวกต่อ HBsAg จำนวน 132 ตัวอย่างคิดเป็นร้อยละ 2.2 จากนั้นนำตรวจหา HBeAg พบตัวอย่างที่ให้ผลบวกต่อ HBeAg 19 ตัวอย่างคิดเป็นร้อยละ 14.4 และนำมาวิเคราะห์หาปริมาณไวรัสจากวิธี real-time polymerase chain reaction พบ 59 ตัวอย่างที่ตรวจพบปริมาณไวรัสและมีค่าเฉลี่ย 7.3±2.1 log copies/mL จากการตรวจสอบด้วยวิธี PCR พบตัวอย่างที่ให้บวกต่อวิธี PCR 119 ตัวอย่างคิดเป็นร้อยละ 83.8 โดยสามารถจำแนกเป็นสายพันธุ์ C 111 ตัวอย่างคิดเป็นร้อยละ 93.28 และสายพันธุ์ B 8 ตัวอย่างคิดเป็นร้อยละ 6.72 และพบsubtype adr 105 ตัวอย่างคิดเป็นร้อยละ 88.2 subtype adw 11 ตัวอย่างคิดเป็นร้อยละ 9.2 subtype ayr 3 ตัวอย่างคิดเป็นร้อยละ 2.5 จากการตรวจสอบการกลายพันธุ์ในส่วนของ “a” determinant พบทั้งหมด 9 ตัวอย่างคิดเป็นร้อยละ 7.56 และพบการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่ง G145R จำนวน 2 ตัวอย่างคิดเป็นร้อยละ 1.7 โดยการกลายพันธุ์ดังกล่าวพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 22 ปีจึงอาจไม่ได้เป็นผลมาจากการได้รับวัคซีนแต่เป็นการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ พบการกลายพันธุ์ในบริเวณยีน pre-S 23 ตัวอย่างคิดเป็นร้อยละ 19.3 พบการกลายพันธุ์ในบริเวณ BCP 31 ตัวอย่างคิดเป็นร้อยละ 26.1 และการกลายพันธุ์ในส่วนของยีน PC 17 ตัวอย่างคิดเป็นร้อยละ 14 ผลของการศึกษาในครั้งนี้อาจเป็นประโยชน์ในการพัฒนาแผนการให้วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี ต่อไป