Abstract:
ที่มา ความดันโลหิตสูงเป็นโรคร่วมที่พบสูงถึง 40 - 50% ในผู้ป่วยโรคอ้วน ซึ่งน่าจะเป็นผลจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากเนื้อเยื่อไขมันสร้าง angiotensinogen ทำให้ระดับอัลโดสเตอโรนสูง Bariatric surgery เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนัก ซึ่งมีการศึกษาก่อนหน้านี้พบว่าสามารถลดความดันโลหิต รวมถึงลดระดับระดับอัลโดสเตอโรน ในช่วง 6 – 12 เดือนหลังการผ่าตัด แต่ยังไม่มีการศึกษาการเปลี่ยนแปลงในช่วง 1- 3 เดือนแรกหลังการผ่าตัดว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร วิธีการศึกษา การศึกษาแบบไปข้างหน้าในผู้ป่วยโรคอ้วน 14 คน ผู้ชาย 8 คน อายุเฉลี่ย 26.5 ± 5.4 ปี มีการบันทึกข้อมูลผู้ป่วยและเก็บเลือดจากผู้ป่วยโรคอ้วนก่อนผ่าตัด และหลังผ่าตัดที่ 1 และ 3 เดือน ตามลำดับและทำการตรวจพลาสมาอัลโดสเตอโรน ระดับเรนิน โซเดียม โพแทสเซี่ยม ระดับน้ำตาล ระดับไขมันในเลือดรวมถึงปัสสาวะ 24 ชั่วโมงเพื่อตรวจระดับโซเดียมและโปรตีน ผลการศึกษา ผู้ป่วยโรคอ้วนทั้งหมดที่ได้รับการศึกษาวิจัยมีจำนวน 14 คน เพศชาย 8 คน อายุเฉลี่ย 26.5 ± 5.4 ปี ดัชนีมวลกายเฉลี่ย 56.7 ± 13.5 กิโลกรัมต่อตารางเมตร เป็นโรคความดันโลหิตร้อยละ 28.6 จากผลการศึกษาพบว่ามีการลดลงของระดับพลาสมาอัลโดสเตอโรนจากค่าเฉลี่ย 14.3 ± 8.0 เป็น 7.5 ± 5.5 ng/dl (p < 0.01) ลดโดยเฉลี่ยร้อยละ (mean percent change) 36.6 ± 54.8 % ซึ่งการลดลงของพลาสมาอัลโดสเตอโรนมีความสัมพันธ์กับการลดลงของน้ำหนัก (r = 0.46, p < 0.05), รอบเอว (r = 0.73, p < 0.05) และเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย (r = 0.58 , p < 0.05) ส่วนความดันโลหิต น้ำหนักตัว ดัชนีมวลกาย เปอร์เซ็นต์ไขมัน ระดับน้ำตาลและระดับไขมันในเลือด พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงลดลงที่ 3 เดือนหลังการผ่าตัดกระเพาะ สรุปผลการศึกษา ระดับอัลโดสเตอโรนลดลงตั้งแต่ 3 เดือนแรกหลังการผ่าตัดและการลดลงของระดับอัลโดสเตอโรนมีความสัมพันธ์กับการลดลงของน้ำหนักตัว เส้นรอบเอวและเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ