Abstract:
ความสัมพันธ์ระหว่างระดับโปรตีนบลิสในเลือดหลังปลูกถ่ายไตกับการปฏิเสธไต ความสำคัญและที่มา: การทำนายการเกิดการปฏิเสธไตชนิดแอนติบอดี (antibody-mediated rejection: ABMR) เป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้เกิดการสูญเสียอวัยวะที่ได้รับการปลูกถ่ายได้ ส่วนใหญ่จะอาศัยข้อมูลของดีเอสเอแอนติบอดี (donor specific antibodies: DSA) โดยทั่วไปผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายไตที่มีดีเอสเอแอนติบอดีเป็นบวก ร้อยละ 30-40 จะเกิดการปฏิเสธไตชนิดแอนติบอดี ดังนั้น จำเป็นจะต้องอาศัยเครื่องหมายชีวภาพ ที่มาช่วยในการทำนาย ที่ดีขึ้น ซึ่งกลไกที่สำคัญในการเกิดการปฏิเสธไตชนิดแอนติบอดีนั้นจะผ่านทางการทำงานของบีลิมโฟไซค์เซลล์ ซึ่งโปรตีนบลิส (B Lymphocyte Stimulator: BLyS) เป็นโปรตีนที่สำคัญที่จะทำให้บีเซลล์เกิดการ พัฒนา และทำให้เกิดการสร้างแอนติบอดีได้ แต่ข้อมูลของแบฟฟ์ในผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายไตยังมีจำกัด ดังนั้น ผู้วิจัยจึงต้องการศึกษาหาความสัมพันธ์ระหว่างบลิสในช่วงหลังการผ่าตัดกับการทำนายการเกิด การปฏิเสธไตชนิดแอนติบอดี ระเบียบวิธีวิจัย: ผู้ป่วยที่ได้เข้ามาปลูกถ่ายไตในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตั้งแต่ มิถุนายน พ.ศ.2556 - ธันวาคม พ.ศ.2557 รวม 76 คน มีการเจาะเลือดเพิ่อตรวจค่าบลิสหลังผ่าตัดปลูกถ่ายไต 7 วัน และติดตามผู้ป่วยที่ 180 วัน เพื่อทำ การเจาะชิ้นเนื้อไตสำหรับการวินิจฉัยการปฏิเสธไตชนิดแอนติบอดี การตรวจดีเอสเอแอนติบอดีก่อน การปลูกถ่ายตรวจด้วยเครื่องลูมิเน็กซ์ ระดับแบฟฟ์ในเลือดตรวจด้วยอีไลซ่า จะเเบ่งผู้ป่วยด้วยผลบวกและ ลบของแอนติบอดีดีเอสเอ และผลบลิสน้อยกว่า 500 พก/มล. จัดว่าเป็นระดับต่ำ และค่าบลิสที่มาก กว่าเท่ากับ 500 พก/มล จัดว่าเป็นระดับสูง และคำนวณความเสี่ยงการเกิดการปฏิเสธไตชนิดแอนติบอดีด้วย อัตราของค็อกซ์พร็อพพอชั่นนัลฮัดสาด ผลการศึกษา: ผู้ป่วยเข้าร่วมโครงการวิจัย 76 คน ทุกคนได้รับการติดตามครบตามระยะเวลา 180 วันทั้งหมด ร้อยละ 17.1 เกิดการปฏิเสธไตชนิดแอนติบอดีที่วินิจฉัยโดยพยาธิวิทยา โดยที่ผู้ป่วยยังไม่มีอาการหรืออาการแสดง ค่าเฉลี่ย ของบลิสหลังผ่าตัด 7 วันเท่ากับ 392.3 ± 318.8 พก/มล. มีผู้ป่วย 18 คน (ร้อยละ 44.2) มีค่าบลิสสูง เกิด การปฏิเสธไตชนิดแอนติบอดีมากกว่าคนที่มีค่าบลิสต่ำกว่า (ร้อยละ 8.62) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ผู้ป่วยที่มีแอนติบอดีดีเอสเอเป็นบวกเกิดการปฏิเสธไตชนิดแอนติบอดี 39 คน เมื่อแบ่งผู้ป่วยตามระดับบลิส พบว่า ผู้ป่วยที่มีระดับบลิสต่ำร่วมกับค่าแอนติบอดีดีเอสเอเป็นลบ, ระดับบลิสสูงร่วมกับค่าแอนติบอดี ดีเอสเอเป็นลบ, ระดับบลิสต่ำร่วมกับค่าแอนติบอดีดีเอสเอเป็นบวก และระดับบลิสสูงร่วมกับ ค่าแอนติ บอดีดีเอสเอเป็นบวกมีอุบัติการณ์การปฏิเสธไตชนิดแอนติบอดีร้อยละ 0,17.9,16.7 และ 41.7 ตามลำดับ เมื่อคำนวณความเสี่ยงต่อการเกิดการปฏิเสธไตชนิดแอนติบอดีด้วยอกซ์พร็อพพอชั่นนัลฮัดสาด พบว่า กลุ่ม ผู้ป่วยที่มีค่าบลิสสูง มีความเสี่ยงต่อการเกิด 2.07 เท่า (1.35-3.20) เมื่อควบคุมด้วยค่าแอนติบอดีดีเอสเอ สรุป: ค่าบลิสในระยะหลังการผ่าตัดสามารถช่วยทำนายการเกิดการปฏิเสธไตชนิดแอนติบอดีได้ โดยระดับบลิส ที่สูง มีความสัมพันธ์พยาธิวิทยาที่เป็นการปฏิเสธไตชนิดแอนติบอดี แม้ว่าจะมีค่าแอนติบอดีดีเอสเอเป็นบวก หรือลบ ดังนั้นค่าบลิสสามารถใช้เป็นเครื่องหมายชีวภาพและใช้สำหรับการติดตาม ภาวะอิมมูนหลังการปลูกถ่ายไต