Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มุ่งศึกษาถึงบทบาทของคำวินิจฉัยของกลไกสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคต่อการกำหนดขอบเขตในการจำกัดการพูดซึ่งมีเจตนาในทางเกลียดชัง ตามกรอบของสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่กลไกสิทธิมนุษยชนแต่ละกลไกทำหน้าที่ตรวจตราดูแลการปฏิบัติตามพันธกรณีของสนธิสัญญา ได้แก่ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานแห่งยุโรป อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งอเมริกา และกฎบัตรว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและสิทธิประชาชนแอฟริกา ซึ่งจากการศึกษาพบว่าหลักเกณฑ์ในการวินิจฉัยขอบเขตการจำกัดการพูดซึ่งมีเจตนาในทางเกลียดชัง ประกอบไปด้วย เงื่อนไขทั่วไปในการจำกัดสิทธิในเสรีภาพแห่งการแสดงออก คือ หลักความชอบด้วยกฎหมาย (Legality) หลักความชอบธรรม (Legitimacy) และหลักความจำเป็น (Necessity) และเงื่อนไขเฉพาะ คือ การยั่วยุให้เกิดความเกลียดชังและการเผยแพร่ความคิดบนพื้นฐานของความเหนือกว่าทางเชื้อชาติหรือความเกลียดชังทางเชื้อชาติ โดยในการวิเคราะห์ขอบเขตของรัฐในการจำกัดการพูดซึ่งมีเจตนาในทางเกลียดชัง ปัจจัยที่กลไกสิทธิมนุษยชนคำนึงถึง ได้แก่ เนื้อหาของการพูดซึ่งมีเจตนาในทางเกลียดชัง เจตนาของผู้พูด สถานะทางสังคมของผู้พูด สถานะทางสังคมของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการพูด รูปแบบของการพูดและผลกระทบต่อสังคมโดยรวมของการพูด บริบททางสังคมและปัจจัยเรื่องเวลาสถานที่ ตลอดจนลักษณะและระดับความรุนแรงของมาตรการที่รัฐใช้ในการจำกัดสิทธิ อันเป็นหลักประกันในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนและทำให้ขอบเขตในการจำกัดการพูดซึ่งมีเจตนาในทางเกลียดชังมีความชัดเจนยิ่งขึ้น