Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาถึง ระบอบบริเวณพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นความเป็นมาของบริเวณพื้นที่ กิจกรรมบริเวณพื้นที่ สถานะทางกฎหมายของบริเวณพื้นที่ บุคคลที่เข้าเกี่ยวข้องในการทำกิจกรรมบริเวณพื้นที่ การระงับข้อพิพาทในบริเวณพื้นที่ ตลอดจนขอบเขตความรับผิดชอบและความรับผิดของรัฐผู้อุปถัมภ์ตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 โดยเน้นศึกษาถึงขอบเขตความรับผิดชอบและความรับผิดของรัฐผู้อุปถัมภ์ตามความเห็นแนะนำขององค์คณะว่าด้วยข้อพิพาทพื้นดินท้องทะเลแห่งศาลกฎหมายทะเลระหว่างประเทศในคดีหมายเลข 17 ซึ่งปัญหาที่นำมาพิจารณาในครั้งนี้เนื่องมาจากการที่ขอบเขตความรับผิดชอบและความรับผิดข้างต้นยังเกิดปัญหาความไม่ชัดเจนในการปฏิบัติตามโดยรัฐผู้อุปถัมภ์ ผลจากการศึกษาพบว่า ความรับผิดชอบหรือพันธกรณีของรัฐผู้อุปถัมภ์แบ่งออกเป็น พันธกรณีในการประกันและพันธกรณีโดยตรง โดยพันธกรณีในการประกันถือเป็นพันธกรณีที่รัฐผู้อุปถัมภ์ต้องประกันว่าผู้รับงานที่ตนเป็นผู้อุปถัมภ์จะปฏิบัติตามพันธกรณีที่ปรากฏในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพันธกรณีในการประกันนี้ถือเป็นพันธกรณีที่จะใช้ความระมัดระวังอย่างเต็มความสามารถอย่างหนึ่ง ส่วนพันธกรณีโดยตรงเป็นพันธกรณีที่รัฐผู้อุปถัมภ์จะต้องประกันว่าตนจะปฏิบัติตามในฐานะที่ตนเป็นผู้อุปถัมภ์ผู้รับงาน โดยการปฏิบัติตามพันธกรณีโดยตรงหล่านี้ถือเป็นพันกรณีที่สอดคล้องกับพันธกรณีที่จะใช้ความระมัดระวังอย่างเต็มความสามารถเช่นกัน พันธกรณีโดยตรงของรัฐผู้อุปถัมภ์มี อาทิ การช่วยเหลือองค์กรพื้นดินท้องทะเลระหว่างประเทศ การใช้หลักการป้องกันล่วงหน้า การใช้แนวปฏิบัติทางด้านสิ่งแวดล้อมที่ดี การประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ส่วนความรับผิดของรัฐผู้อุปถัมภ์นั้น รัฐผู้อุปถัมภ์จะมีความรับผิดแต่ในกรณีที่รัฐผู้อุปถัมภ์ไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีของตนตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 อันได้แก่ การไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีในการประกันและพันธกรณีโดยตรงตามที่กล่าวข้างต้น โดยเงื่อนไขที่ทำให้รัฐผู้อุปถัมภ์ต้องรับผิด คือ การที่รัฐผู้อุปถัมภ์ไม่ปฏิบัติตามความรับผิดชอบที่ตนมีตามอนุสัญญาดังกล่าวและการไม่ปฏิบัติดังกล่าววก่อให้เกิดความเสียหายขึ้น