Abstract:
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง เพื่อศึกษาการเห็นคุณค่าในตนเองและปัจจัยที่เกี่ยวข้องในผู้ป่วยหญิงที่มารับการรักษา ณ คลินิกมีบุตรยาก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยทำการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้ป่วยหญิงที่มารับการรักษา ณ คลินิกมีบุตรยากจำนวน 113 ราย โดยให้กลุ่มตัวอย่างตอบแบบประเมินด้วยตนเองทั้งหมด 4 ชุด ได้แก่ 1) แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล 2) แบบสอบถามข้อมูลของภาวะมีบุตรยาก 3) แบบประเมินการเห็นคุณค่าในตนเอง The Rosenberg’s Self Esteem Scale (RSE) ฉบับภาษาไทย และ 4) แบบประเมินพฤติกรรมการเผชิญปัญหาของ Jalowiec Coping Scale ฉบับภาษาไทย สถิติที่ใช้ ได้แก่ สถิติเชิงพรรณนา Univariate analysis (ได้แก่ t-test และ Chi-Square) เพื่อทดสอบปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเห็นคุณค่าในตนเอง และ Multivariate Analysis เพื่อหาปัจจัยทำนายการเห็นคุณค่าในตนเองในผู้ป่วยหญิงกลุ่มนี้ ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มตัวอย่างมีค่าคะแนนเฉลี่ยของการเห็นคุณค่าในตนเองเท่ากับ 31.87 (S.D. = 4.09) ซึ่งเมื่อใช้ค่าจุดตัดคะแนนที่ Mean - 1 S.D. จะพบว่ามีกลุ่มตัวอย่างที่มีการเห็นคุณค่าในตนเองในระดับต่ำจำนวน 13 ราย (ร้อยละ11.5) ซึ่งเมื่อวิเคราะห์โดยสถิติ Univariate analysis พบว่ามี 7 ปัจจัย ที่อาจเกี่ยวข้องกับการเห็นคุณค่าในตนเองในระดับต่ำ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ รายได้ส่วนตัวต่อเดือนน้อยกว่า 15,000 บาท การพักอาศัยอยู่กับครอบครัวฝ่ายสามี ส่วนสูงน้อยกว่า 160 เซนติเมตร อายุที่เริ่มมีรอบเดือนครั้งแรกมากกว่า 14 ปี จำนวนวันที่มีรอบเดือนน้อยกว่า 4 วัน ประวัติเคยตรวจรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการฉีดสีเอ็กซเรย์เพื่อดูท่อนำไข่ (Hysterosalpingography) และการใช้พฤติกรรมการเผชิญปัญหาแบบการจัดการกับอารมณ์ในระดับสูง และเมื่อทำการวิเคราะห์แบบ Logistic Regression Analysis พบว่าเหลือเพียง 3 ปัจจัย ที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับการเห็นคุณค่าในตนเอง ได้แก่ อายุที่เริ่มมีรอบเดือนครั้งแรกมากกว่า 14 ปี จำนวนวันที่มีรอบเดือนน้อยกว่า 4 วัน และการใช้พฤติกรรมการเผชิญปัญหาแบบการจัดการกับอารมณ์ในระดับสูง