Abstract:
โลหิตจางเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ภาวะดังกล่าวอาจ
ทำให้ต้องชะลอหรือลดขนาดยาเคมีบำบัด ส่งผลต่อกระบวนการวางแผนการรักษาของแพทย์ รวมถึงส่งผลกระทบต่อ
คุณภาพชีวิตของผู้ป่ วยมะเร็ง ภาวะโลหิตจางในผู้ป่ วยมะเร็งสามารถรักษาด้วย Recombinant Human Erythropoietin
(rEPO) การวิจัยนี้ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแบบแผนการใช้ยา rEPO และประเมินประสิทธิผล ความปลอดภัยของ
การใช้ยาในผู้ป่วยมะเร็งที่มีภาวะโลหิตจางจากการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด โดยเก็บข้อมูลผู้ป่วยมะเร็งที่มารับการรักษา
ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ในช่วงเดือนมกราคม – ธันวาคม 2554
ในช่วงเวลาที่กำหนด มีผู้ป่วยที่ได้รับยา rEPO จำนวน 163 ราย และมีผู้ป่วยที่มีข้อมูลสมบูรณ์ตามเกณฑ์คัด
ผู้ป่ วยเข้าในการศึกษา 21 ราย เป็นเพศชาย 10 ราย และหญิง 11 ราย (ร้อยละ 47.62 และ 52.38 ตามลำดับ)โดยผู้ป่ วย
มีอายุเฉลี่ย 65 ± 11.16 ปี ผู้ป่ วยทั้ง 21 รายได้รับยา rEPO จำนวน 98 รอบการรักษา แบบแผนการใช้ยามี 2 รูปแบบ
ได้แก่ α-rEPO 40,000 U weekly SC ซึ่งแพทย์นิยมสั่งใช้มากที่สุด (ร้อยละ 58.16) และอีกแบบแผนหนึ่ง คือ β-rEPO
30,000 U weekly SC (ร้อยละ 48.84) มีการสั่งตรวจวัดระดับ Ferritin, Total Iron Binding Capacity (TIBC), Serum iron
ในผู้ป่วยก่อนการเริ่มให้ยา rEPO จำนวน 5 ราย (ร้อยละ 23.8) เมื่อเปรียบเทียบระดับฮีโมโกลบินก่อนและหลังได้รับ
rEPO ด้วยสถิติ Paired T-test พบว่าระดับฮีโมโกลบินหลังได้รับยา rEPO สูงกว่าก่อนได้รับยา 0.57 g/dL
(p < 0.01) จากการให้ยา 98 รอบการรักษา มี 30 รอบการรักษา (ร้อยละ 30.61) ที่ค่าฮีโมโกลบินหลังจากรับยาสูงขึ้น
ตั้งแต่ 1 g/dL ขึ้นไปและมีจำนวน 22 รอบการรักษา (ร้อยละ 22.45) ที่ระดับฮีโมโกลบินหลังได้รับยาของผู้ป่ วยสูงกว่า
12 g/dL ด้านความปลอดภัย พบว่ามี 16 รอบการรักษา (ร้อยละ 16.33) ที่ความดันโลหิตของผู้ป่ วยเพิ่มสูงขึ้นและไม่พบ
การเกิดภาวะ Pure Red Cell Aplasia
ผลการศึกษาสรุปได้ว่า rEPO มีประสิทธิผลในการเพิ่มระดับฮีโมโกลบินในผู้ป่ วยมะเร็งที่มีภาวะโลหิตจางจากยา
เคมีบำบัด แต่อย่างไรก็ตาม มีผู้ป่ วยเพียงจำนวน 1 ใน 5 ที่มีค่าฮีโมโกลบินสูงถึงระดับเป้ าหมาย ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัย
ต่าง ๆ เช่น อายุของผู้ป่ วย ชนิดของโรคมะเร็งและยาที่ผู้ป่ วยได้รับ เป็นต้น