Abstract:
ปัจจุบันพัฒนาการในการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีอาญาได้ก้าวไกลไปโดยไม่หยุดยั้ง วิธีพิเศษในรูปแบบต่างๆ ได้ถูกคิดค้นข้น เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในคดีอาญาที่มีอยู่หลากหลายรูปแบบซึ่งวิธีพิเศษต่างๆ ที่กล่าวมานั้นได้ถูกนำมาใช้เพื่อรับมือกับอาชญากรรมสมัยใหม่ที่มีความซับซ้อนและใช้เทคโนโลยีทันสมัยช่วยในการกระทำความผิด อย่างไรก็ตาม การใช้วิธีการพิเศษต่างๆ เหล่านี้ ก็ไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพต่างๆ ของบุคคลได้ ในนานาอารยประเทศได้มีการพัฒนาวิธีพิเศษต่างๆ นี้มานานแล้วและได้ประสบกับปัญหาที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพต่างๆ ของบุคคลมาก่อน จนกระทั่งได้มีการพัฒนาแก้ไข้ปรับปรุงบทบัญญัติของกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการใช้วิธีพิเศษนี้ให้สามารถใช้ได้โดยชอบด้วยกฎหมายและมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะกระทบถึงสิทธิเสรีภาพของบุคคลบ้างก็ตาม ซึ่งการจะนำวิธีการพิเศษต่างๆ เหล่านี้มาใช้นั้น จะต้องพิจารณาเปรียบเทียบ 2 หลักการ ระหว่าง การควบคุมอาชญากรรม และกระบวนการนิติธรรม เพื่อหาจุดที่เหมาะสมระหว่างหลักการทั้งสอง เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิ เสรีภาพของบุคคลให้น้อยที่สุด ซึ่งวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ได้ทำการศึกษาถึงผลดีผลเสียของหลักการทั้งสองดังกล่าวเพื่อประโยชน์ในการนำวิธีพิเศษต่างๆ ดังกล่าวนี้มาใช้ ดังนั้น วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ได้เสนอแนะให้มีการพัฒนาและปรับปรุงกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการใช้วิธีพิเศษเพื่อให้ได้มาซึ่งพยานหลักฐานในคดีอาญาเสียใหม่ ให้ชัดเจน รักกุม เป็นธรรม และชอบด้วยกระบวนพิจารณา โดยเปรียบเทียบกับกฎหมายและกระบวนการที่ใช้อยู่ในนานาอารยประเทศ เพื่อให้กฎหมายในประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับวิธีพิเศษต่างๆ นี้มีความก้าวหน้า เท่าทันกับการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีอาญายุคใหม่ และมีผลกระทบต่อสิทธิ เสรีภาพของบุคคลตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และกฎหมายอื่นที่คุ้มครองสิทธิเสรีของบุคคลให้น้อยที่สุด