Abstract:
เมื่อรังนกอีแอ่นจากสิ่งปลูกสร้างของเอกชนกลายเป็นสินค้าเศรษฐกิจที่สร้างรายได้มหาศาลให้แก่ประเทศชาติ ธุรกิจรังนกอีแอ่นจากสิ่งปลูกสร้างของเอกชน หรือที่นิยมเรียกกันว่า บ้านรังนก หรือคอนโดรังนกจึงเริ่มเป็นที่นิยมแพร่หลายในทั่วภูมิภาคของประเทศ ซึ่งการขยายตัวอย่างมากนั้นทำให้เริ่มมีความกังวลว่าจะเกิดผลกระทบหรือไม่อย่างไร จากการศึกษาพบว่า มาตรการทางกฎหมายในการกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับรังนกอีแอ่นในประเทศไทยนั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ฉบับ ได้แก่ พระราชบัญญัติอากรรังนกอีแอ่น พ.ศ. 2540 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ซึ่งมาตรการทางกฎหมายดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมถึงรังนกอีแอ่นจากสิ่งปลูกสร้างของเอกชน ทำให้ส่งผลกระทบในหลาย ๆ ด้าน ได้แก่ ผลกระทบต่อนกอีแอ่น ผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข ผลกระทบต่อการขาดรายได้ของรัฐ และผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจด้านการส่งออกรังนกอีแอ่นด้วย ซึ่งจากการศึกษามาตรการในการกำกับดูแลในต่างประเทศพบว่า มีการนำมาตรการทางเศรษฐศาสตร์โดยใช้ภาษีอากรมาเป็นเครื่องมือในการกำกับดูแลรังนกอีแอ่นจากสิ่งปลูกสร้างของเอกชน ซึ่งจะทำให้สามารถควบคุม กำกับดูแลรังนกอีแอ่นจากสิ่งปลูกสร้างของเอกชนได้ อีกทั้งยังสามารถแก้ไขผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวได้อีกด้วย ดังนั้น จึงควรมีการออกกฎหมายในการจัดเก็บภาษีรังนกอีแอ่นจากสิ่งปลูกสร้างของเอกชนขึ้น เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนและประโยชน์แห่งรัฐ