Abstract:
ถึงแม้ว่าพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ. 2556 กำหนดหน้าที่ให้ผู้มีหน้าที่รายงาน กำหนดนโยบายในการประเมินความเสี่ยงด้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย แต่ยังไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และยังไม่มีแนวทางปฏิบัติเพื่อดำเนินตามบางมาตรการ และจึงก่อให้เกิดปัญหาและอุปสรรคต่อภาคธุรกิจประกันชีวิต ในวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ผู้เขียนมุ่งศึกษาความเป็นมา แนวคิดพื้นฐาน ความสัมพันธ์กับกฎหมายว่าด้วยการฟอกเงิน ปัญหาและอุปสรรค รวมถึงแนวทางปฏิบัติสำหรับธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยศึกษาเปรียบเทียบมาตรการสากลด้านการฟอกเงินและต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินการร้าย และกฎหมายของประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และประเทศแคนาดา พบว่าในข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ กำหนดข้อยกเว้นบางประการที่จำเป็น เช่น การจ่ายเบี้ยประกัน สิทธิการรักษาพยาบาลทางการแพทย์ให้สามารถกระทำได้ทั้งที่อยู่ระหว่างการระงับการดำเนินการ และข้อแนะนำของ FAFT ก็กำหนดข้อยกเว้นของการดำเนินการกับทรัพย์สิน เช่น กำหนดให้ผู้ที่มีอำนาจสามารถให้การอนุญาตในการดำเนินการได้ นอกเหนือจากการอนุญาตจากศาล อีกทั้งพบว่าในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และแคนาดา ต่างกำหนดให้มีการอนุญาต และพบว่า ประเทศไทยกำหนดการขออนุญาตโดยศาลแพ่ง อย่างไรก็ตามเกิดความไม่สะดวกและล่าช้าเป็นอุปสรรค เช่น หากเป็นกรมธรรม์ประเภทคุ้มครองอุบัติเหตุ หรือคุ้มครองการรักษาพยาบาล หรือกรมธรรม์ที่รัฐบาลสนับสนุนแก่ผู้มีรายได้น้อย และสิทธิในการรับการรักษาพยาบาล ซึ่งโรงพยาบาลย่อมรักษาตามสิทธิขั้นพื้นฐาน โรงพยาบาลต้องมาขออนุญาตต่อศาลเพื่อเรียกให้บริษัทประกันชีวิตชำระหนี้ นอกจากนี้ยังพบว่ามาตรการที่เกี่ยวข้องอื่นยังมีความไม่ชัดเจน ผู้เขียนจึงขอเสนอแนว คือ ควรกำหนดให้คณะกรรมการ ปปง ให้การอนุญาตเป็นการทั่วไป หรือเป็นกรณีเฉพาะเจาะจงแก่รายใดรายหนึ่งเพื่อเป็นข้อยกเว้นอีกประการหนึ่งในการดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปรามปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ. 2556 โดยอาศัยอำนาจในการออกประกาศ คำสั่ง ระเบียบ แนวทางปฏิบัติ และประกาศในราชกิจจานุเบกษา และเสนอออกแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนมาตรการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย เพื่อที่จะขจัดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจประกันชีวิต