Abstract:
ผ้าไหม ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงออกถึงเอกลักษณ์ของไทย เป็นสินค้าราคาสูง นิยมนำมาตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าเพื่อสวมใส่ แต่โอกาสในการนำมาสวมใส่มีน้อย เวลานำมาสวมใส่ผ้าไหมจะสัมผัสกับเหงื่อที่ร่างกายผลิตขึ้น ภายหลังการสวมใส่ต้องได้รับการทำความสะอาดอย่างทะนุถนอม ไม่สามารถซักด้วยกระบวนการทั่วไปได้ ทำให้มีโอกาสเกิดเชื้อแบคทีเรียในผ้าไหม ส่งผลให้ผ้าไหมด้อยคุณภาพลง เสื่อมสภาพและเสื่อมราคาได้ การทำวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อต้านแบคทีเรียจากการกราฟต์ผ้าไหมไทยด้วยไคโตซานและดีบีดีพลาสมา (DBD-plasma; Dielectric Barrier Discharge Plasma) ด้วยความต่างศักย์ 5-10 kV และใช้เวลา 5, 10 และ 15 วินาที ด้วยผ้าไหมไทยคุณภาพนกยูงสีนำเงินที่ไม่ได้ผ่านการฟอกสีและลอกผิวกาว กับสารละลายไคโตซานจากไคโตซานที่ผ่านการฉายรังสีแกมมาที่ปริมาณ 0, 10, 30, 50, 70 และ 90 kGy นำมาทดสอบเพื่อหาสภาวะที่เหมาะสมต่อการต้านแบคทีเรีย ด้วยวิธีการเพาะเชื้อแบคทีเรีย พบว่า ผ้าไหมที่ผ่านการดัดแปรผิวด้วยดีบีดีพลาสมาที่ 10 kV เป็นเวลา 10 วินาที การกราฟต์ด้วยสารละลายไคโตซานที่ผ่านการฉายรังสี 10 kGy ทนต่อการซักมากที่สุด และสามารถต้านทั้งแบคทีเรีย Staphylococcus Aures และ Escherichia Coli ได้ดี