Abstract:
ความผันผวนในเศรษฐกิจระดับมหภาคเป็นหนึ่งในความกังวลพื้นฐานของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มักเผชิญปัญหานี้รุนแรงจากปัจจัยด้านโครงสร้างเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ดังนั้นแนวโน้มการสะสมเงินสำรองระหว่างประเทศที่เพิ่มสูงโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่เหล่านี้อาจเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยจัดการความผันผวนในเศรษฐกิจระดับมหภาคของประเทศเหล่านี้ได้ งานศึกษานี้จึงมีเป้าหมายเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างเงินสำรองฯกับความผันผวนในเศรษฐกิจระดับมหภาค ซึ่งสะท้อนผ่านความผันผวนในอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริงต่อประชากร การบริโภคต่อประชากร และการลงทุนต่อประชากร รวมทั้งศึกษาผลกระทบของการจัดตั้งโครงข่ายความปลอดภัยทางการเงินในระดับภูมิภาค เช่น ความตกลงแลกเปลี่ยนเงินตราพหุภาคี และกองทุนเงินสำรองฯระดับภูมิภาค ที่มีต่อเงินสำรองฯและความผันผวนในเศรษฐกิจระดับมหภาคของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยอาศัยข้อมูลระหว่างปี ค.ศ. 1970-2012 ของ 18 ประเทศ จาก 6 ภูมิภาคที่มีการจัดตั้งโครงข่ายความปลอดภัยทางการเงินในระดับภูมิภาค ด้วยแบบจำลอง Dynamic Panel และวิธี System GMM ผลการศึกษาพบว่าเงินสำรองฯและการจัดตั้งโครงข่ายความปลอดภัยทางการเงินในระดับภูมิภาค มีผลทำให้ความผันผวนในเศรษฐกิจระดับมหภาคลดลง โดยเงินสำรองฯยังมีผลทางอ้อมในการช่วยลดผลกระทบจากวิกฤตการเงินและความผันผวนของปัจจัยต่างๆ ได้แก่ เงินทุนเคลื่อนย้าย อัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริง อัตราเงินเฟ้อ อัตราการค้า และความต้องการซื้อภายนอกประเทศ ที่มีต่อการเกิดความผันผวนในเศรษฐกิจระดับมหภาคของประเทศได้ ในขณะที่การจัดตั้งโครงข่ายความปลอดภัยทางการเงินระดับภูมิภาคอาจมีผลลดทอนบทบาทของเงินสำรองฯในการลดความผันผวนในเศรษฐกิจระดับมหภาคลง เนื่องจากอาจส่งผลให้ประเทศสมาชิกลดการสะสมเงินสำรองฯเพื่อป้องกันประเทศ หรือใช้ในเหตุฉุกเฉิน ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและความสามารถในการปกป้องเศรษฐกิจเบื้องต้นของประเทศสมาชิก นอกจากนี้ผลการศึกษาที่ได้ยังพบว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้ความผันผวนในเศรษฐกิจระดับมหภาคของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่เพิ่มสูง ได้แก่ วิกฤตการเงิน และความผันผวนของปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้ เงินทุนเคลื่อนย้าย ความต้องการซื้อภายนอกประเทศ และอัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริง