Abstract:
วิทยานิพนธ์เรื่องนี้ ผู้วิจัยได้ศึกษาถึงการเมืองในราชสำนักฝ่ายใน ในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยอธิบายถึงการเมืองในราชสำนักฝ่ายใน ซึ่งแบ่งออกเป็นสองช่วงเวลา คือ ช่วงต้นรัชกาล (พ.ศ.2411 – พ.ศ.2428) และช่วงปลายรัชกาล (พ.ศ.2428 – พ.ศ.2453) โดยใช้การทิวงคตของกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญในปีพ.ศ.2428 เป็นตัวแบ่ง เพื่อนำมาอธิบายถึงการเมืองในราชสำนักฝ่ายใน ทั้งนี้ พบว่าในช่วงต้นรัชกาล ซึ่งเป็นช่วงที่รัชกาลที่ 5 ยังมิได้ทรงมีพระราชอำนาจโดยสมบูรณ์ อีกทั้งยังมิได้มีการสถาปนาสมเด็จพระอัครมเหสีและไม่มีพระราชโอรสชั้นสมเด็จเจ้าฟ้า จึงปรากฏว่าการที่สตรีใดจะเข้ารับราชการฝ่ายในนั้น มีปัจจัยหรือเหตุผลของการประสานและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มชนชั้นนำต่างๆ เป็นสำคัญ ขณะที่ในช่วงปลายรัชกาล (พ.ศ.2428 –พ.ศ.2453) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รัชกาลที่ 5 ทรงมีความมั่นคงในพระราชอำนาจอย่างสมบูรณ์ พบว่านอกจากพระราชชายาเจ้าดารารัศมีแล้ว ไม่ทรงมีพระภรรยาเจ้าเพิ่มขึ้นเลย ทั้งนี้ นอกจากความมั่นคงในพระราชอำนาจแล้ว การที่ทรงมีพระราชโอรสในพระยศสมเด็จเจ้าฟ้าชั้นเอกหลายพระองค์ ทำให้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรับพระราชวงศ์พระองค์อื่นๆเข้ามาเป็นพระภรรยาเจ้าเพื่อประสูติกาลพระราชโอรสที่จะมาสืบราชสันตติวงศ์อีก นอกจากนี้ การที่รัชกาลที่ 5 ทรงสถาปนาพระอัครมเหสีอย่างชัดเจน รวมทั้งทรงแต่งตั้งพระราชโอรสขึ้นดำรงตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ส่งผลให้ไม่ปรากฏกลุ่มอำนาจใดมีการสนับสนุนพระราชวงศ์พระองค์ใดให้ขึ้นดำรงตำแหน่งพระภรรยาเจ้าอีก จากการวิจัยนี้ จึงสรุปได้ว่าการเมืองในราชสำนักฝ่ายหน้ามีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับราชสำนักฝ่ายใน ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในราชสำนักฝ่ายหน้าสามารถส่งผลต่อราชสำนักฝ่ายใน ดังนั้นแต่ละกลุ่มอำนาจ กลุ่มชนชั้นนำของสังคม จึงใช้ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในราชสำนักฝ่ายในผ่านการสนับสนุนสตรีที่เป็นฝ่ายของตนเข้ารับราชการเป็นพระภรรยาเจ้าและพระภรรยา เพื่อสร้างเครือข่ายอำนาจและความสัมพันธ์กับองค์พระมหากษัตริย์ อันส่งผลต่อกลุ่มอำนาจและชนชั้นนำต่างๆ ในการสร้างเสริมอำนาจและความมั่นคงทางการเมืองในราชสำนักฝ่ายหน้า