Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงแนวทางการบังคับใช้กฎหมายอันเกี่ยวกับการกระทำที่ต้องได้รับใบอนุญาตในชั้นพิจารณาคดีอาญา ในส่วนของการกำหนดประเด็นข้อพิพาท เนื่องจากโดยทั่วไปการกำหนดประเด็นข้อพิพาทจะขึ้นอยู่กับภาระการพิสูจน์ของคู่ความในคดีซึ่งในที่นี้คือพนักงานอัยการโจทก์ผู้ฟ้องคดีจะต้องพิสูจน์ทุกองค์ประกอบความผิดตามความผิดที่ได้ฟ้อง เป็นไปตามหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ (Presumption of innocence) และหลักภาระการพิสูจน์ทั่วไปที่ผู้ใดกล่าวอ้างผู้นั้นย่อมมีหน้าที่นำสืบ จากกรณีดังกล่าว โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ทุกองค์ประกอบความผิดตามฟ้องซึ่งรวมไปถึงองค์ประกอบความผิดจากการที่จำเลยไม่มีใบอนุญาตให้กระทำการตามที่กฎหมายกำหนดด้วย จากการศึกษาพบว่า สำหรับองค์ประกอบความผิดที่เป็นเรื่องของการที่จำเลยไม่มีใบอนุญาตให้กระทำการตามที่กฎหมายกำหนดนั้น ควรเป็นหน้าที่ของจำเลยเป็นผู้กระทำการพิสูจน์มากกว่าพนักงานอัยการโจทก์ผู้ฟ้องคดี เนื่องจาก การกระทำที่ต้องได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายไม่ใช่การกระทำอันเป็นสิทธิทั่วไปที่ผู้ใดก็สามารถกระทำได้ หากแต่เป็นสิทธิเฉพาะอย่างหรือสิทธิพิเศษ สำหรับผู้ที่มีใบอนุญาตตามกฎหมายซึ่งจะต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติตามแบบแผนที่กำหนดโดยหน่วยงานของรัฐ ด้วยเหตุผลดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น จึงเสนอให้การพิจารณาคดีอาญาของประเทศไทยควรกำหนดให้ภาระการพิสูจน์ในเรื่องความมีอยู่ของใบอนุญาตตามกฎหมายเป็นหน้าที่ของจำเลยเป็นผู้พิสูจน์ เพื่อให้กฎหมายที่เกี่ยวกับการกระทำที่ต้องได้รับใบอนุญาตสามารถบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดภาระที่ไม่จำเป็นของพนักงานอัยการโจทก์ผู้ฟ้องคดี ทั้งยังสอดคล้องกับกระบวนพิจารณาคดีอาญาของต่างประเทศที่พิจารณาคดีสำหรับความผิดในลักษณะดังกล่าวอีกด้วย