Abstract:
วัตถุประสงค์ เพื่อประเมินผลของการดื่มน้ำชาดอกกระเจี๊ยบในการลดความดันโลหิตที่บ้านของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงระดับอ่อนเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมซึ่งดื่มน้ำชาดอกกระเจี๊ยบหลอก วิธีการวิจัย การวิจัยเชิงทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมแบบปกปิดสองทางในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงระดับอ่อนและผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงสูงต่อความดันโลหิตสูงที่เข้ามารับการรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยถูกสุ่มแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่หนึ่งได้ดื่มน้ำชาดอกกระเจี๊ยบขนาด 5 กรัม/วัน และกลุ่มที่สองได้ดื่มน้ำชาดอกกระเจี๊ยบหลอก(แก่นฝางและใบชะมวง) 5 กรัม/วัน เช้า-เย็นหลังมื้ออาหารเป็นเวลา 28 วัน โดยผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มได้รับการตรวจวัดความดันโลหิตอัตโนมัติที่บ้าน วันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 1 สัปดาห์ และตรวจวัดระดับไขมันในเลือด ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร ค่าการทำงานของไต ค่าเอนไซม์ตับ ก่อนและหลังเข้าร่วมการศึกษา ผลการศึกษา ตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ.2558 ถึงธันวาคม พ.ศ.2558 มีผู้ป่วยความดันโลหิตสูงระดับอ่อนและผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงสูงต่อความดันโลหิตสูงที่เข้าเกณฑ์คัดเข้าและไม่มีเกณฑ์คัดออก จำนวนทั้งหมด 30 ราย อายุ 32-77 ปี ในกลุ่มดื่มน้ำชาดอกกระเจี๊ยบมีความดันโลหิตซิสโตลิกเฉลี่ยก่อนและหลังเข้าร่วมการวิจัยเท่ากับ 137.5±5.6 มิลลิเมตรปรอทและ 128.8±8.4 มิลลิเมตรปรอท (ความแตกต่างเฉลี่ย -8.7±6.4 มิลลิเมตรปรอท, 95% CI 5.18 to 12.29, P < 0.001) ส่วนกลุ่มดื่มน้ำชาดอกกระเจี๊ยบหลอกมีความดันโลหิตซิสโตลิกเฉลี่ยก่อนและหลังเข้าร่วมการวิจัยเท่ากับ 140.0 ± 8.6 มิลลิเมตรปรอท และ 136.7 ± 8.4 มิลลิเมตรปรอท (ความแตกต่างเฉลี่ย -3.3±5.5 มิลลิเมตรปรอท, 95% CI 0.26 to 6.38, P= 0.036) ตามลำดับ กลุ่มดื่มน้ำชาดอกกระเจี๊ยบมีความดันโลหิตซิสโตลิกลดลงมากกว่ากลุ่มดื่มน้ำชาดอกกระเจี๊ยบหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (ความแตกต่างเฉลี่ย ± SE of mean difference = -5.41±2.18 มิลลิเมตรปรอท, 95% CI 0.93 to 9.89, P= 0.014) ไม่พบความแตกต่างระหว่างระดับความดันไดแอสโตลิก ระดับน้ำตาล และระดับไขมันในเลือดระหว่างกลุ่มศึกษาและกลุ่มควบคุม สรุปการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าการดื่มน้ำชากระเจี๊ยบมีผลต่อการลดลงของระดับความดันซิสโตลิกในผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงสูงต่อความดันโลหิตสูงและผู้ป่วยความดันโลหิตสูงระดับอ่อนได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่ไม่มีผลต่อระดับความดันไดแอสโตลิก, ระดับน้ำตาล, โคเลสเตอรอล, ไตรกรีเซอไรด์, เอชดีแอล และแอลดีแอลในเลือด