Abstract:
การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาวิจัยเชิงพรรณนา ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณภาพชีวิตและการเตรียมความพร้อมเข้าสูวัยสูงอายุขอพยาบาลวิชาชีพ ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เขตกรุงเทพมหานคร ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน165คน โดยใช้แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามการสนับสนุนทางสังคม แบบสอบถามคุณภาพชีวิตและแบบสอบถามการเตรียมพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมSPSS ใช้สถิติเชิงพรรณนาได้แก่ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ใช้สถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ t-test,F-test(One-way ANOVA), Pearson product moment correlation coefficient และทำนายปัจจัยโดยใช้การวิเคราะห์ถดถอยพหุแบบขั้นตอน(Stepwise multiple regression analysis) ผลการวิจัยพบว่า พยาบาลวิชาชีพส่วนใหญ่ (ร้อยละ74.5) มีคุณภาพชีวิตอยู่ในระดับปานกลาง โดยมีการเตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลางทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ ด้านจิตใจด้านการเงิน ด้านบทบาทในครอบครัว ด้านสุขภาพกาย ด้านการใช้เวลา และด้านที่อยู่อาศัย พบปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ได้แก่ ระดับการศึกษา และ ตำแหน่งงาน และพบปัจจัยการสนับสนุนทางสังคมมีความสัมพันธ์ทางบวกกับคุณภาพชีวิตอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ0.01 คือการสนับสนุนด้านอารมณ์สังคมจากผู้บังคับบัญชา(r=0.444),จากเพื่อน/เพื่อนร่วมงาน(r=0.462)และจากครอบครัว(r=0.281) ด้านข้อมูลข่าวสารจากเพื่อน/เพื่อนร่วมงาน(r=0.214) และด้านทรัพยากรจากผู้บังคับบัญชา(r=0.442),จากเพื่อน/เพื่อนร่วมงาน(r=0.562) และจากครอบครัว(r=0.432) และพบว่าการเตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุมีความสัมพันธ์ทางบวกกับคุณภาพชีวิตอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ0.01โดยการเตรียมตัวด้านสุขภาพกาย(r=0.512),ด้านจิตใจ(r=0.383),ด้านการเงิน(r=0.472),ด้านที่อยู่อาศัย(r=0.324),ด้านบทบาทในครอบครัว(r=0.353)และด้านการใช้เวลา(r=0.370) ปัจจัยที่มีผลต่อการทำนายคุณภาพชีวิตของพยาบาลวิชาชีพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ การสนับสนุนทางสังคมด้านทรัพยากรจากเพื่อน/เพื่อนร่วมงาน จากครอบครัว จากผู้บังคับบัญชา การสนับสนุนทางสังคมด้านอารมณ์สังคมจากผู้บังคับบัญชา การเตรียมความพร้อมด้านสุขภาพกาย ด้านการเงิน และด้านที่อยู่อาศัย