Abstract:
การกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 เป็นปัญหาร้ายแรง อันเป็นอุปสรรคในการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ แม้จะมีการตรวจสอบการเลือกตั้งโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง รวมทั้งมีบทกำหนดโทษทางอาญาแก่ผู้กระทำความผิด แต่บทบัญญัติกฎหมายที่มีอยู่นั้นยังไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่เกิดขึ้นเนื่องจากมีบทลงโทษไม่สูงนัก ประกอบกับเป็นมาตรการที่มุ่งลงโทษตัวบุคคลผู้กระทำความผิด แต่ไม่สามารถบรรลุผลในการดำเนินการกับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ส่งผลให้ผู้กระทำความผิดสามารถนำเงินหรือทรัพย์สินเหล่านั้นไปทำการฟอกเงิน เพื่อนำมาใช้เป็นต้นทุนในการประกอบอาชญากรรม คือ การทุจริตซื้อเสียงในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เป็นวงจรการประกอบอาชญากรรมที่ยากต่อการปราบปราม นอกจากนี้ แม้มีการกำหนดให้ความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 เป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินแล้ว แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมถึงความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น ซึ่งจากการศึกษาพบว่า การกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ในการกำหนดความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กล่าวคือ เป็นการกระทำความผิดในลักษณะองค์กรอาชญากรรม มีผลตอบแทนสูงมาก ยากที่จะนำกฎหมายทั่วไปมาดำเนินการลงโทษ และเป็นความผิดที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศชาติ ด้วยเหตุนี้ จึงควรมีการกำหนดให้ความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อให้สามารถนำมาตรการต่างๆ ตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ทั้งมาตรการทางอาญาที่มีบทลงโทษรุนแรงและมาตรการริบทรัพย์สินทางแพ่งมาใช้บังคับ อันจะส่งผลให้การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดดังกล่าวมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น