Abstract:
การศึกษานี้เป็นการศึกษาสภาพของระดับน้ำใต้ดินในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก และพิจิตร ที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่านตอนล่างในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย โดยใช้วิธีทางสถิติวิเคราะห์ข้อมูลระดับน้ำใต้ดิน วิธีกราฟวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างระดับน้ำใต้ดินกับ น้ำฝน ระดับน้ำแม่น้ำยมและน่าน และอัตราการใช้น้ำใต้ดิน ทดสอบภาคสนามและวิเคราะห์อัตราการซึมน้ำและคุณสมบัติของดินในพื้นที่ศึกษา จัดสร้างและประยุกต์ใช้แบบจำลองน้ำใต้ดิน MODFLOW GMS ประเมินการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำใต้ดิน และหามาตรการบรรเทาการลดลงของระดับน้ำใต้ดิน จากผลการศึกษาพบว่าระดับน้ำใต้ดินในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก และพิจิตร มีแนวโน้มลดลงเฉลี่ย 0.69 เมตรต่อปี , 0.37 เมตรต่อปี และ 0.46 เมตรต่อปี ตามลำดับ พบว่าระดับน้ำใต้ดินมีความสัมพันธ์สอดคล้องกับปริมาณน้ำฝน ระดับน้ำแม่น้ำยมและแม่น้ำน่าน กับอัตราการใช้น้ำใต้ดินในพื้นที่ อัตราการใช้น้ำใต้ดินในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก และพิจิตร มีค่าประมาณ 174 ล้าน ลบม.ต่อปี , 203 ล้าน ลบม.ต่อปี และ138 ล้าน ลบม.ต่อปี ตามลำดับ จากผลการทดสอบอัตราการซึมน้ำในพื้นที่ 7 แห่ง พบว่าค่าอัตราการซึมน้ำ มีค่าเฉลี่ย 25 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง และอยู่ในช่วงพิสัย 20 – 30 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง จากผลการทดสอบคุณสมบัติของดินในพื้นที่ 7 แห่ง พบว่าโดยเฉลี่ยมีทราย (sand) 80 % ทรายแป้ง (silt) 17 % และดินเหนียว (clay) 3 % และดินอยู่ในประเภทดินร่วนทราย (sandy loam) จากผลการศึกษาโดยใช้แบบจำลองน้ำใต้ดิน เพื่อหามาตรการบรรเทาปัญหาการลดลงของระดับน้ำใต้ดิน พบว่าในกรณีมีการลดอัตราการสูบน้ำใต้ดินในฤดูแล้ง 50% จะช่วยลดการลดลงของระดับน้ำใต้ดินประมาณ 2.0 – 2.8 เมตร ในกรณีมีการเพิ่มปริมาณน้ำท่าในแม่น้ำยมและน่านในฤดูแล้ง 50 % จะช่วยลดการลดลงของระดับน้ำใต้ดินประมาณ 3.0 – 6.0 เมตร ในกรณีเพิ่มปริมาณน้ำฝนในฤดูแล้ง 50% ช่วยลดการลดลงของระดับน้ำใต้ดินประมาณ 4.0 – 4.6 เมตร