Abstract:
โดยที่ปัญหาการกระทำการอันเป็นผู้โดยสารประพฤติตนไม่เหมาะสม/ก่อกวน (unruly/disruptive passengers) ในอากาศยานเกิดขึ้นบ่อยครั้งและมีรูปแบบหลากหลายมากยิ่งขึ้น ตามพัฒนาการทางด้านการบินพลเรือน ตราสารทางกฎหมายระหว่างประเทศที่นำมาปรับใช้เพื่อจัดการกับปัญหาดังกล่าว คือ อนุสัญญาว่าด้วยความผิดและการกระทำอื่น ๆ บางประการที่กระทำในอากาศยาน ทำขึ้น ณ กรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 1963 หรืออนุสัญญาโตเกียว ค.ศ. 1963 จึงมีข้อท้าทายหลายประการที่อาจมีผลทำให้การแก้ไขและป้องกันปัญหาเช่นว่านั้นไม่ประสบความสำเร็จและไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ประชาคมการบินระหว่างประเทศซึ่งตระหนักในความสำคัญของปัญหา จึงได้จัดทำพิธีสารเพื่อการแก้ไขอนุสัญญาว่าด้วยความผิดและการกระทำอื่น ๆ บางประการที่กระทำในอากาศยาน หรือพิธีสารมอนตริออล ค.ศ. 2014 วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มุ่งศึกษาถึงสาเหตุและความสำคัญของปัญหาการกระทำการอันเป็นผู้โดยสารประพฤติตนไม่เหมาะสม/ก่อกวนในอากาศยาน ข้อท้าทายที่อนุสัญญาโตเกียว ค.ศ. 1963 ต้องประสบจนนำไปสู่การจัดทำพิธีสารมอนตริออล ค.ศ. 2014 ศึกษาสาระสำคัญของพิธีสารฯ ในการขยายเขตอำนาจรัฐทางอาญาให้แก่รัฐภาคีในการดำเนินคดีและลงโทษผู้กระทำความผิดตามอนุสัญญาฯ การเพิ่มข้อบทสนับสนุนให้รัฐภาคีใช้มาตรการที่จะเริ่มกระบวนการทางอาญาหรือทางปกครองที่เหมาะสมต่อบุคคลที่กระทำการอันเป็นผู้โดยสารประพฤติตนไม่เหมาะสม การเพิ่มข้อบทส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศทางอาญา ข้อบทเกี่ยวกับการเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ หลักศุภนิติกระบวนการและหลักการประติบัติอย่างเป็นธรรม ตลอดจนข้อบทที่ไม่เป็นการตัดสิทธิของผู้ดำเนินการเดินอากาศในการเรียกร้องค่าชดเชยจากผู้โดยสารประพฤติตนไม่เหมาะสม รวมทั้งวิเคราะห์ถึงความเหมาะสม ข้อดี ข้อควรพิจารณา และข้อท้าทายของการที่ประเทศไทยจะเข้าเป็นภาคีของพิธีสารนี้ จากผลการศึกษาพบว่า หากประเทศไทยเข้าเป็นภาคีของพิธีสารมอนตริออล ค.ศ. 2014 จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ทั้งในด้านกฎหมายสารบัญญัติและวิธีสบัญญัติ ซึ่งประเทศไทยควรต้องศึกษาทำความเข้าใจในพิธีสารฯ อย่างถ่องแท้และเตรียมความพร้อมในทุกด้านเพื่อรองรับพันธกรณีตามพิธีสาร