Abstract:
ในปัจจุบันรูปแบบการสื่อสาร (Platform) ผ่านเครื่องวิทยุคมนาคมและอุปกรณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเมื่อเกิดการคิดค้นนวัตกรรมเครื่องวิทยุคมนาคม ประเภทอุปกรณ์อัจฉริยะ ที่เน้นการติดต่อสื่อสารผ่านระบบปฏิบัติการและแอพพลิเคชั่นมากกว่าการสื่อสารผ่านเสียง ในขณะที่การกำกับดูแลอุปกรณ์อัจฉริยะซึ่งเป็นเครื่องวิทยุคมประเภทหนึ่ง โดยคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นั้น ยังไม่ทันสมัยเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร ส่งผลให้เกิดปัญหาต่อผู้ใช้อุปกรณ์อัจฉริยะ ประเภทโทรศัพท์อัจฉริยะ (Smartphone) ที่ได้รับความคุ้มครองยังไม่เพียงพอจากการกระทำของผู้ให้บริการที่มีอำนาจเหนือตลาดในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การสะสมข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลเชิงพฤติกรรมผ่านโทรศัพท์อัจฉริยะ ในการนี้ผู้ศึกษาได้รวบรวมวิวัฒนาการ แนวคิด และทฤษฎีเกี่ยวกับการกำกับดูแลเครื่องวิทยุคมนาคม และวิเคราะห์เปรียบเทียบกฎหมายและเหตุผลที่ใช้ในการกำกับเครื่องวิทยุคมนาคม ประเภทอุปกรณ์อัจฉริยะของประเทศสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และประเทศไทย ในเรื่องการป้องกันการรบกวนคลื่นวิทยุของผู้อื่นและการควบคุมมาตรฐาน การรักษาความมั่งคงของชาติ สิทธิประโยชน์ทางการค้า การเคลื่อนไหวอย่างอิสระของสินค้า การแข่งขันทางการค้า การพัฒนานวัตกรรม และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พบว่ากฎหมายของต่างประเทศมีแนวทางและมาตรการสำหรับการกำกับดูแลอุปกรณ์อัจฉริยะที่ทันสมัยมากกว่ากฎหมายของประเทศไทย ผลการศึกษาพบว่า การกำกับดูแลอุปกรณ์อัจฉริยะของคณะกรรมการ กสทช. ตามกฎหมายไทยยังขาดแนวทางและมาตรการที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมในการกำกับดูแลด้านการแข่งขันทางการค้า การพัฒนานวัตกรรม และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และสมควรยกร่างกฎหมายเพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองการพัฒนานวัตกรรมอุปกรณ์อัจฉริยะเป็นการเฉพาะ ขยายขอบเขตนิยามของผู้ให้บริการตามประกาศคณะกรรมการ กสทช. นอกเหนือจากผู้ให้บริการโครงข่าย ให้ครอบคลุมถึงผู้ผลิตอุปกรณ์อัจฉริยะและผู้ให้บริการเสริมทางแอพพลิเคชั่น รวมทั้งกำหนดมาตรการกำกับดูแลให้ครอบคลุมผู้ให้บริการทุกประเภท และกำหนดการมีส่วนร่วมในความร่วมมือระหว่างประเทศ