Abstract:
รำสวดเป็นการแสดงพื้นบ้านที่พัฒนารูปแบบมาจากการสวดพระมาลัยของพระภิกษุต่อมาฆราวาสได้นำรูปแบบการสวดของพระภิกษุมาทำการแสดง จึงเรียกว่าการสวดคฤหัสถ์ การสวด พระมาลัยมีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี รำสวดเป็นการแสดงพื้นบ้านที่มีความเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของคนในจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด ใช้แสดงเฉพาะงานอวมงคล มุ่งเน้นสร้างสรรค์อารมณ์ให้เจ้าภาพและผู้มาร่วมงานได้คลายความโศกเศร้า การแสดงรำสวดคณะครูสาคร ประจง พบว่าเป็นคณะเดียวในอำเภอบ้านค่ายที่มีการสืบทอดและรับงานแสดงจนถึงปัจจุบัน รำสวดมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นคือ การนำบทสวดกับบทร้องในวรรณคดีหรือบทร้องที่ประพันธ์ขึ้นใหม่มาใส่เป็นทำนองให้มีสีสันในการร้อง ผนวกกับใส่เครื่องดนตรีกำกับจังหวะได้แก่ โทน ฉิ่ง กรับมากกว่า ๒ คู่ เพิ่มอารมณ์ในการแสดงรำสวดมีความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ทำนองที่นำมาใช้ในการร้องรำสวดเป็นทำนองที่มาจากเพลงไทย การตัดทำนองให้สั้นลงและเปลี่ยนบันไดเสียงของทำนองเพลงและตัดบทร้องในวรรณคดีโดยการแทรกภาษาท้องถิ่นในบางคำเพื่อให้เหมาะสมกับนักร้องในวงดนตรีรำสวด มีวิธีการร่ายรำตีท่าทางไปตามบทร้อง ผู้รำต้องสามารถร้องและรำไปด้วย กระสวนจังหวะพบทั้งหมด ๓๘ กระสวนสามารถจำแนกได้ ๓ ประเภท ประเภทที่ ๑ กระสวนที่พบมากที่สุดมีลักษณะกระสวนลงตรงตามจังหวะ พบการใช้ในการขึ้นต้นเพลงกลางเพลงและลงจบเพลง ประเภทที่ ๒ กระสวนทั่วไป มีลักษณะกระสวนลงตรงตามจังหวะ ลักจังหวะ และกระสวนเว้นว่าง ประเภทที่ ๓ กระสวนที่พบน้อยที่สุดมีลักษณะกระสวนลงตรงตามจังหวะและ ลักจังหวะ