Abstract:
วิกฤตการณ์เศรษฐกิจประเทศไทย พ.ศ. 2540 ส่งผลให้แรงงานในเศรษฐกิจภาคทางการถูกเลิกจ้างเป็นจำนวนมากและทำให้ขนาดของเศรษฐกิจนอกระบบขยายตัว แรงงานส่วนหนึ่งเข้าสู่การค้าหาบเร่แผงลอยในเขตกรุงเทพมหานครในฐานะผู้ค้าหน้าใหม่ แต่เมื่อเศรษฐกิจของประเทศปรับตัวดีขึ้น จำนวนของผู้ค้าหาบเร่แผงลอยก็ไม่ได้ลดลงตาม อีกทั้งปัจจุบันผู้ค้าหาบเร่แผงลอยยังถูกร้องเรียนเนื่องจากปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาการรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ ปัญหาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง เป็นต้น เมื่อภาครัฐกำหนดนโยบายการจัดระเบียบการค้าหาบเร่แผงลอย ผู้ค้าก็มักจะอ้างว่าเป็นผู้ด้อยโอกาสและยากจน ทั้งๆที่มีผู้ค้าบางกลุ่มสามารถเข้าสู่การจ้างงานในเศรษฐกิจภาคทางการได้ งานวิจัยฉบับนี้มุ่งศึกษาคุณลักษณะผู้ค้าหาบเร่แผงลอยตามกรอบแนวคิดเศรษฐกิจนอกระบบของกลุ่มสำนักคิดทั้ง 4 คือ กลุ่มทวิลักษณ์ (Dualism),กลุ่มโครงสร้างนิยม (Structuralism), กลุ่มกฎหมายนิยม (Legalism) และกลุ่มเจตจำนงนิยม (Voluntarism) และศึกษาประเภทสินค้าที่จำหน่าย รวมถึงต้นทุนในการเข้าสู่การค้าหาบเร่แผงลอย ใน 3 พื้นที่ศึกษาแบ่งตามเขตการปกครองของกรุงเทพมหานคร คือเขตกรุงเทพชั้นใน (เขตปทุมวัน), เขตกรุงเทพชั้นกลาง (เขตบางกะปิ) และเขตกรุงเทพชั้นนอก (เขตมีนบุรี) ผ่านรูปแบบการตอบแบบสอบถามและสัมภาษณ์ผู้ค้า ผลการศึกษาพบว่าผู้ค้าหาบเร่แผงลอยส่วนใหญ่ในกรุงเทพมหานครเป็นผู้ค้าที่สมัครใจเข้าสู่การค้าหาบเร่แผงลอยถึงแม้ว่าตนเองจะสามารถเข้าสู่การจ้างงานในเศรษฐกิจภาคทางการได้ ในขณะเดียวกันผู้ค้าไม่มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงอาชีพและยังจะทำการค้าหาบเร่แผงลอยต่อไปเนื่องจากเหตุผลต่างๆ จากการศึกษายังพบความสัมพันธ์ที่สำคัญว่าระดับความเป็นเมือง (Urbanization) ส่งผลต่อประเภทสินค้าที่จำหน่ายและต้นทุนการเข้าสู่การค้าหาบเร่แผงลอยของผู้ค้าในแต่ละพื้นที่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการค้าหาบเร่แผงลอยที่มีอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครไม่ได้เป็นอาชีพชั่วคราวเพื่อการอยู่รอดของแรงงานส่วนเกินที่ไม่สามารถอยู่ในเศรษฐกิจภาคทางการเหมือนในอดีต ดังนั้นภาครัฐต้องมีแนวนโยบายที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจและการวางผังการจัดการเมืองควบคู่กันไปเพื่อผู้ค้าหาบเร่แผงลอยและคนกลุ่มอื่นๆ ในสังคมที่ใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกัน เช่น คนเดินเท้า เจ้าของธุรกิจ ฯลฯ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้น และนโยบายจะต้องให้ความสำคัญต่อผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่ด้อยโอกาสที่อยู่ในตลาดการค้าอย่างแท้จริงเป็นอันดับแรกก่อน