Abstract:
ความเป็นมา หลายการศึกษาที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของยาเบต้าบล็อกเกอร์ในการป้องกันภาวะเลือดออกจากหลอดเลือดดำขอดในหลอดอาหารทั้งในปฐมภูมิและทุติยภูมิ ในการประเมินประสิทธิภาพของการรักษา ใช้วิธีวัดความแตกต่างของความดันเลือด (Hepatic venous pressure gradient; HVPG) เป็นตัวแทนของความดันพอร์ทัล แต่อย่างไรก็ตามในการวัดถือว่าเป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงและยังไม่แพร่หลาย รวมถึงการศึกษาในปัจจุบันได้แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ดีของค่าความยืดหยุ่นตับและค่าความแตกต่างของความดันเลือดพอร์ทัลในผู้ป่วยตับแข็งระยะเริ่มต้น วัตถุประสงค์ เพื่อประเมินผลของยาเบต้าบล็อกเกอร์ ต่อค่าความยืดหยุ่นตับและอัตราการเต้นหัวใจ รวมถึงความสัมพันธ์ วิธีการวิจัย การวิจัยแบบไปข้างหน้าในผู้ป่วยตับแข็งระยะเริ่มต้นที่ได้รับการส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบนและตรวจพบหลอดเลือดดำขอดในหลอดอาหารที่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในช่วงเวลา เมษายน 2558 ถึง กุมภาพันธ์ 2559 จำนวนทั้งหมด 42 ราย ผู้เข้าร่วมทั้งหมดจะได้รับการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจและวัดความยืดหยุ่นของตับทั้งก่อนและหลังได้รับยาเบต้าบล็อกเกอร์ ในช่วงเวลา 3 เดือน โดยผู้เข้าร่วมการศึกษาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มอัตราเต้นหัวใจตอบสนอง คือ ผู้ที่อัตราการเต้นหัวใจ 50-55 ครั้ง/นาที หรือลดลง ร้อยละ 25 จากเริ่มต้น และกลุ่มอัตราเต้นหัวใจไม่ตอบสนอง ไม่ไปตามเกณฑ์ข้างบน หลังจากที่ได้ยาเบต้าบล็อกเกอร์ขนาดสูงสุดหรือขนาดยาที่ไม่มีผลข้างเคียง ผลการศึกษา ผู้ปวยทั้งหมดที่เข้าร่วมจนจบการศึกษา จำนวน 39 ราย จาก 42 ราย มีอายุเฉลี่ย 58.1+10.6 ปี และเป็นเพศชาย ร้อยละ 59 มีผู้ป่วยจำนวน 3 ราย ออกจากการศึกษา เนื่องด้วย 1 ราย ตรวจพบก้อนในตับ และอีก 2 ราย ไม่มาตรวจติดตาม ผู้ป่วย 39 ราย สามารถแบ่งผู้ป่วยได้เป็น 2 กลุ่ม ตามการตอบสนองของอัตราเต้นหัวใจ โดยพบว่า กลุ่มอัตราหัวใจตอบสนอง 16 คน (คิดเป็นร้อยละ 41) กลุ่มอัตราหัวใจไม่ตอบสนอง 23 คน (คิดเป็นร้อยละ 59) โดยพบว่าข้อมูลทั่วไป ดัชนีมวลกาย ภาวะเบาหวาน สาเหตุของโรคตับแข็ง ความรุนแรงของตับแข็ง และผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น ค่าเอมไซม์ตับ ค่าอัลบูมิน ค่าเกร็ดเลือด ค่าการแข็งตัวของเลือด เป็นต้น ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ระหว่าง 2 กลุ่มการตอบสนองของอัตราเต้นหัวใจ ค่าความยืดหยุ่นของตับก่อนได้รับยาเบต้าบล็อกเกอร์ ในกลุ่มที่อัตราการเต้นของหัวใจตอบสนอง และ กลุ่มอัตราการเต้นของหัวใจไม่ตอบสนอง มีค่า 24.7(14) และ 20.9(8) ตามลำดับ (p=0.32) ค่าความยืดหยุ่นตับที่ 3 เดือน หลังจากรับยาเบต้าบล็อกเกอร์ มีค่า 19.7(12) และ 16(9) ตามลำดับ (p=0.93) ค่าเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงค่าความยืดหยุ่นตับ -5.6 kPa ในกลุ่มอัตราหัวใจตอบสนอง และ -0.7 kPa ในกลุ่มอัตราหัวใจไม่ตอบสนอง ตามลำดับ (p=0.23) ค่าความยืดหยุ่นตับที่เปลี่ยนแปลงไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเปรียบเทียบระหว่าง 2 กลุ่ม แต่อย่างไรก็ตามจากผลการศึกษาข้างต้นแสดงให้เห็นว่า ค่าความยืดหยุ่นตับ มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางลดลงทั้ง 2 กลุ่ม หลังได้รับยาเบต้าบล็อกเกอร์ ความสัมพันธ์การเปลี่ยนแปลงค่าความยืดหยุ่นของตับในผู้ป่วยตับแข็งระยะเริ่มต้น ระหว่างกลุ่มที่มีการตอบสนองอัตราเต้นของหัวใจ และกลุ่มที่ไม่มีการตอบสนองอัตราการเต้นของหัวใจ โดยใช้สัมประสิทธ์สหสัมพันธ์แบบพอยท์ไบซีเรียล ค่าเท่ากับ 0.23 (p=0.15) สรุป การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงค่าความยืดหยุ่นของตับไม่มีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงอัตราการเต้นของหัวใจหลังได้รับยาเบต้าบล็อกเกอร์เพื่อป้องกันภาวะเลือดออกจากหลอดเลือดดำขอดในหลอดอาหาร แต่อย่างไรก็ตามทำให้เราเห็นแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงของค่าความยืดหยุ่นของตับที่ลดลงหลังได้รับยา ซึ่งนำไปสู่คำถามวิจัยต่อไป