Abstract:
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของระดับสารชีวเคมีกับการเกิดเส้นใยไฟบรินในน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอดที่เกิดจากมะเร็ง และศึกษาถึงความสัมพันธ์ของระดับสารชีวเคมีกับอัตราสำเร็จของการเชื่อมเยื่อหุ้มปอด วิธีการวิจัย: รวบรวมผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอดที่เกิดจากมะเร็งรายใหม่ในรพ.จุฬาฯระหว่างวันที่ 20 ส.ค. ถึง 31 ธ.ค. 2558 ผู้ป่วยจะได้รับการตรวจอัลตราซาวด์ช่องอกเพื่อแบ่งออกเป็นกลุ่มที่มีเส้นใยไฟบรินและกลุ่มที่ไม่มีเส้นใยไฟบรินในน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด และได้รับการเจาะตรวจน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอดเพื่อตรวจวัดระดับสาร plasminogen activator inhibitor-1 (PAI-1), tumor necrosis factor (TNF-α), transforming growth factor-beta (TGF-β) และ tissue factor (TF) ผู้ป่วยในกลุ่มที่ไม่มีไฟบรินจะได้รับการติดตามการเกิดเส้นใยไฟบรินในช่องเยื่อหุ้มปอดทุกสัปดาห์โดยใช้อัลตราซาวด์ ผู้ป่วยที่มีข้อบ่งชี้จะได้รับการรักษาโดยวิธีเชื่อมเยื่อหุ้มปอดโดยใช้ยา นอกจากนี้ผู้ป่วยทุกรายจะได้รับการตรวจติดตามเป็นเวลา 3 เดือนหรือจนกระทั่งเสียชีวิต ผลการศึกษา: มีผู้ป่วยเข้าร่วมการศึกษาจำนวน 40 ราย โดยร้อยละ 60 เป็นผู้ป่วยเพศหญิง มีอายุเฉลี่ยที่ 63 ปี สาเหตุของการเกิดน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอดในการศึกษาได้แก่ มะเร็งปอด (65%) มะเร็งเต้านม (12.5%) และมะเร็งลำไส้ (10%) เมื่อเริ่มการศึกษาผู้ป่วยที่มีเส้นใยไฟบรินและไม่มีเส้นใยไฟบรินมีจำนวนกลุ่มละ 20 ราย และไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญของระดับสารชีวเคมีระหว่างสองกลุ่มการศึกษา เมื่อตรวจติดตามภาพถ่ายอัลตราซาวด์พบว่าผู้ป่วยที่ไม่มีเส้นใยไฟบรินเมื่อแรกวินิจฉัย พบการเกิดเส้นใยไฟบรินขึ้น 13 ใน 20 ราย (65%) ในผู้ป่วยที่ติดตามไปแล้วพบเส้นใยไฟบรินจำนวน 13 รายนั้น พบว่าระดับของ PAI-1 และ TNF-α มีแนวโน้มที่จะสูงกว่าในกลุ่มที่ไม่เกิดเส้นใยไฟบริน (145.45(153.64) vs 25.51(60.59) ng/ml, p=0.062 และ 4.27(1.81) vs 1.42(3.98) pg/ml, p=0.061 ตามลำดับ) แต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลในผู้ป่วยทั้งหมดที่ตรวจพบเส้นใยไฟบรินในน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอดเมื่อสิ้นสุดการศึกษา (33 ราย) เทียบกับกลุ่มที่ไม่พบ (7 ราย) พบว่าระดับของ TNF-α (4.27(3.76) vs 1.42(3.98) pg/ml, p=0.034) มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ในขณะที่ระดับของ TF มีแนวโน้มที่สูงในผู้ป่วยที่มีเส้นใยไฟบรินเช่นกัน แต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ มีผู้ป่วยทั้งสิ้นจำนวน 15 รายได้รับการรักษาด้วยวิธีเชื่อมเยื่อหุ้มปอดโดยใช้ยา อัตราสำเร็จของการเชื่อมเยื่อหุ้มปอดไม่มีความแตกต่างกันในทั้งสองกลุ่มการศึกษา (85.7% vs 87.5%, p=0.7) สรุป: ระดับของ TNF-α มีค่าสูงกว่าในผู้ป่วยที่พบเส้นใยไฟบรินในน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอดที่เกิดจากมะเร็ง ยืนยันว่าสารดังกล่าวมีความสำคัญต่อการเกิดเส้นใยไฟบรินในน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอดที่เกิดจากมะเร็ง การศึกษาต่อยอดที่มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นจำเป็นต่อการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของระดับ PAI-1 และ TF นอกจากนี้การตรวจวัดระดับของสารเหล่านี้อาจมีประโยชน์ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งที่มีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด