Abstract:
ความสำคัญและที่มาของปัญหางานวิจัย โรคไขมันเกาะตับเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของโรคตับอักเสบเรื้อรังและสามารถทำให้เกิดตับแข็งได้ ภาวะพังผืดรุนแรงในตับเป็นปัจจัยหลักที่ใช้ทำนายโอกาสเกิดตับแข็งนี้ ปัจจุบันต้องอาศัยการตรวจทางพยาธิวิทยาของชิ้นเนื้อตับเป็นวิธีมาตรฐานในการวินิจฉัยพังผืดในตับซึ่งอาจมีภาวะแทรกซ้อนจากการทำหัตถการ จึงเป็นที่มาของการหาเครื่องมือการตรวจพังผืดในตับที่สามารถใช้แทนการเจาะตับได้แก่ BARD SCORE ค่าความยืดหยุ่นของตับและค่ากรดไฮยาลูโรนิก วัตถุประสงค์ของการวิจัย ศึกษาความไว ความจำเพาะ และความแม่นยำของการใช้ BARD scoring system ร่วมกับ Fibroscan™ หรือการวัดระดับ serum Hyaluronic acid ในผู้ป่วย NAFLDเทียบกับการเจาะตับที่เป็นวิธีตรวจมาตรฐาน (Gold standard) ระเบียบวิธีการวิจัย ผู้ป่วยโรคไขมันเกาะตับที่ได้รับการวินิจฉัยจากการตรวจเลือดดูการทำงานของตับและการตรวจทางรังสีวิทยาที่เข้าได้กับภาวะไขมันเกาะตับจะได้รับการซักประวัติ ตรวจร่างกาย ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง คำนวณดัชนีมวลกายและ BARD SCORE(BMI >28=1 คะแนน, อัตราส่วนAST/ALT >0.8=2 คะแนน, ภาวะเบาหวาน=1 คะแนน) จากนั้นจะได้รับการตรวจวัดความยืดหยุ่นของตับด้วย Fibroscan™ ภายใน 4 สัปดาห์ก่อนเจาะตับ และเจาะเลือดเพื่อตรวจระดับกรดไฮยาลูโรนิกในวันที่ได้รับการเจาะตับ จากนั้นนำค่าที่ได้มาเปรียบเทียบกับผลการตรวจทางพยาธิวิทยาของเนื้อตับ ผลการวิจัย ผู้ป่วย 39 รายที่เข้าร่วมการศึกษา ไม่พบว่ามีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากการเจาะตับเกิดขึ้นระหว่างการศึกษา และพบว่าระดับผลตรวจ Fibroscan™ในกลุ่มที่มีพังผืดในตับรุนแรงมีความแตกต่างจากกลุ่มที่ไม่มีพังผืดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (6.6±1.4 vs 10.0±3.5 kPa; p=0.04) โดยอายุที่มากกว่าและ NAS score ที่มากกว่าเป็นปัจจัยที่ทำนายการเกิดภาวะพังผืดรุนแรงอย่างมีนัยสำคัญที่ 1.2เท่า และ 5.2 เท่าตามลำดับ และพบว่า ค่ากรดไฮยาลูโรนิกในเลือดที่มากกว่า 76 ng/ml มีความไว ความจำเพาะ PPV NPV และความแม่นยำ ร้อยละ 91.3, 60, 84, 66.7และ 77.5ตามลำดับ ในการทำนายภาวะพังผืดรุนแรงในตับระดับ F2 ขึ้นไป ส่วนค่าความยืดหยุ่นในตับที่มีค่ามากกว่า 6.5 kPa ขึ้นไปจะมีความไว ความจำเพาะ PPV, NPV และความแม่นยำ ร้อยละ 87, 50, 87, 50 และ 79.3 ตามลำดับ ในการทำนายภาวะพังผืดรุนแรงในตับระดับ F2 ขึ้นไป สรุป BARD scoreตั้งแต่ 2-4 คะแนน ร่วมกับ การวัดค่ากรดไฮยาลูโรนิกในเลือดที่มากกว่า 76 ng/ml หรือค่า TE ที่มากกว่า 6.5 kPa จะเป็นเครื่องมือตรวจที่มีความไวสูง ในการหาภาวะพังผืดรุนแรงในโรคไขมันเกาะตับระดับ F2 ขึ้นไปได้ดี เมื่อเทียบกับวิธีการเจาะตับที่เป็นวิธีมาตรฐาน