Abstract:
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาและเสนอแนะแนวทางแก้ไขปรับปรุงกฎหมายไทยในเรื่องการกำหนดให้การยักยอกทรัพย์สินในภาคเอกชนเป็นความผิดทางอาญาตามบริบทของประเทศไทยภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003 ซึ่งประเทศไทยมีพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตามในฐานะที่เป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาฯ โดยมีการนำกฎหมายอาญาที่กำหนดความผิดเกี่ยวกับการยักยอกทรัพย์สินในภาคเอกชนของประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศฟินแลนด์ และประเทศเวียดนามมาศึกษาเปรียบเทียบ เพื่อประโยชน์ในการศึกษาและการเสนอแนะแนวทางที่เหมาะสม ผลของการศึกษาวิจัยพบว่า กฎหมายภายในของไทยที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นประมวลกฎหมายอาญาหรือกฎหมายพิเศษ ไม่อาจครอบคลุมการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับการยักยอกทรัพย์สินในภาคเอกชนตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการทุจริต ข้อ 22 ได้ทุกกรณี แม้ว่าจะได้มีการนำบทบัญญัติที่มีอยู่ไปเทียบเคียง เพื่อประโยชน์ในการปรับใช้ก็ตาม แต่ก็ยังคงไม่ครอบคลุมเพียงพอ จึงส่งผลให้การบังคับใช้กฎหมายต่อการยักยอกทรัพย์สินในภาคเอกชนตามกฎหมายไทยยังมีความบกพร่องอยู่ อีกทั้งยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ดังนั้น ผู้เขียนจึงขอเสนอให้มีการกำหนดให้การยักยอกทรัพย์สินในภาคเอกชนเป็นความผิดทางอาญาในกฎหมายไทย โดยกำหนดให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาที่มีอยู่ให้มีความชัดเจนและความเหมาะสมมากขึ้น เพื่อให้สามารถใช้บังคับได้เป็นการทั่วไปและครอบคลุมได้ทุกกรณีที่เป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับการยักยอกทรัพย์สินในภาคเอกชน และเพื่อให้มีความสอดคล้องกับอนุสัญญาฯ โดยการนำกฎหมายอาญาของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศเวียดนามมาเป็นหลักในการพิจารณาประกอบ ทั้งนี้ เพื่อให้ได้มาซึ่งแนวทางในการกำหนดกฎหมายที่สอดคล้องกับประเทศไทยอย่างเหมาะสม และเพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาคเอกชนอย่างมีประสิทธิผล