Abstract:
จากปัญหาการแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลให้ประชาคมโลกตระหนักถึงภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์ และพยายามแสวงหามาตรการมาสกัดกั้นการแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งในระยะเวลาต่อมาได้ปรากฏออกมาเป็นสนธิสัญญาห้ามแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ ค.ศ. 1968 แม้ปัจจุบันจะมีสนธิสัญญาห้ามแพร่ขยายของอาวุธนิวเคลียร์ยังคงมีอยู่ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของอิหร่านที่ละเมิดพันธกรณีสนธิสัญญาฯ และไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศเท่าที่ควรในการตรวจสอบ ซึ่งถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในส่วนของการบังคับใช้มาตรการและบทลงโทษภายใต้สนธิสัญญา การตรวจตราอาวุธนิวเคลียร์ และขอบเขตของการนำพลังงานนิวเคลียร์ไปใช้ในทางสันติ ปัญหาที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่าการนำมาตรการภายใต้สนธิสัญญาห้ามแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์มาใช้บังคับนั้นจำเป็นต้องนำมาตรการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องมาใช้ร่วมกัน อาทิเช่น ความตกลงพิทักษ์ความปลอดภัยและพิธีสารเพิ่มเติมความตกลงพิทักษ์ความปลอดภัย นอกจากนี้การนำข้อมติของสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศและข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมาใช้บังคับก็ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ทำให้การสกัดนั้นการแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์นั้นเกิดประสิทธิภาพสูงสุด อย่างไรก็ตามการแก้ไขปัญหานิวเคลียร์อิหร่านด้วยมาตรการทางกฎหมายนั้นยังขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วยในขณะเดียวกัน