Abstract:
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาระดับของสารผลิตภัณฑ์อนุมูลอิสระ และสารต้านอนุมูลอิสระในผู้ป่วยเด็กโรคเบต้าธาลัสซีเมียที่มีภาวะเหล็กเกิน ทั้งก่อนและหลังให้รับประทานวิตามินซีและวิตามินอีเป็นเวลา 3 เดือน วิธีดำเนินการ: เป็นการศึกษาแบบ Pre- and Post-treatment comparison clinical trial ในผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคเบต้าธาลัสซีเมียและต้องได้รับเลือดเป็นระยะๆ โดยไม่ได้รับยาขับเหล็ก จำนวน 20 คน ทำการตรวจสารต้านอนุมูลอิสระ (วิตามินซี,วิตามินอี, TAS, GSH) ผลิตภัณฑ์ของอนุมูลอิสระ (Plasma MDA, erythrocyte MDA) บิลิรูบิน ฮีโมโกลบินทั้งหมดและฮีโมโกลบินในพลาสมาก่อนและหลังให้ยาที่ 1 และ 3 เดือนตามลำดับ ผลการศึกษา: ผู้ป่วยเด็กธาลัสซีเมียชนิดเบต้าจำนวน 20 คนมีระดับวิตามินซีและวิตามินอีในเลือดต่ำ (1.27 mg/L และ 9.69 muM/L ตามลำดับ) มีระดับ TAS และ GSH ต่ำ (GSH 7.76 muM/gHb) ระดับของ plasma และ erythrocyte MDA, บิลิรูบินและฮีโมโกลบินในพลาสมาสูง ฮีโมโกลบินทั้งหมดต่ำ เมื่อรับประทานวิตามินซีขนาด 100 มิลลิกรัมต่อวัน และวิตามินอีขนาด 400-600 มิลลิกรัมต่อวัน พบว่าระดับวิตามินซีและวิตามินอีสูงขึ้น (2.60 mg/L และ 11.15 muM/L ตามลำดับ) และ GSH เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (8.75 mM/gHb) ค่า TAS เพิ่มสูงขึ้น plasma และ erythrocyte MDA และบิลิรูบินลดลงโดยไม่มีนัยสำคัญ ค่าต่างๆ นี้ยังไม่กลับเป็นปกติที่ 3 เดือนหลังได้รับประทานยา ฮีโมโกลบินไม่มีการเปลี่ยนแปลง ขณะที่ค่าฮีโมโกลบินในพลาสมาเพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่มีนัยสำคัญ ระหว่างที่รับประทานยาผู้เข้าร่วมโครงการไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากยา สรุป: การให้ผู้ป่วยเบต้าธาลัสซีเมียที่มีภาวะเหล็กเกินรับประทานวิตามินซีและวิตามินอีเสริมช่วยเพิ่มระดับวิตามินซี วิตามินอีและ glutathione ได้อย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ระดับ TAS, plasma MDA, erythrocyte MDA และบิลิรูบินมีค่าใกล้เคียงปกติมากขึ้น แต่ค่าฮีโมโกลบินไม่เปลี่ยนแปลง