Abstract:
ปัจจุบันองค์กรธุรกิจประเภทวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises: SMEs) ประสบปัญหาด้านการดำเนินการทางการตลาด โดยเฉพาะช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้าหรือบริการ (Place) ให้แก่ผู้บริโภคจากความต้องการสถานที่จำหน่ายสินค้า ความสามารถในการแข่งขัน การจำหน่ายทางออนไลน์ที่ประสบปัญหาความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เมื่อวิเคราะห์มาตรการทางกฎหมายของประเทศไทยที่บังคับใช้ปัจจุบันพบว่า พระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 แม้จะมีการผลักดันให้เกิดผลแต่ในทางปฏิบัติ นโยบายต่างๆขาดความต่อเนื่องจากปัญหาความไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง การขาดการบูรณการระหว่างหน่วยงานที่นำนโยบายไปปฏิบัติการส่งเสริม SMEs ทำให้การส่งเสริม SMEs ขาดประสิทธิภาพ เมื่อศึกษามาตรการทางกฎหมายที่ใช้กับภาคธุรกิจทั่วไป เพื่อที่จะใช้เป็นมาตรการทางกฎหมายในการสนับสนุนการดำเนินการทางการตลาดในช่องทางจำหน่ายสินค้าหรือบริการให้แก่ SMEs พบว่า พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 ข้อกฎหมายที่บังคับให้ SMEs ต้องส่งเอกสารการซื้อขายให้แก่ผู้บริโภคเป็นหนังสือไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544 ที่รับรองการส่งเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ ร่างพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง และร่างพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับคนกลางในช่องทางจัดจำหน่ายไม่สามารถส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ด้วยข้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อ SMEs อาทิ การผลักดักให้ SMEs ค้าปลีกค้าส่งออกไปประกอบธุรกิจในพื้นที่ห่างไกล การคุณสมบัติในการขอยื่นประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ที่ไม่เหมาะสมกับความสามารถของธุรกิจ SMEs อีกทั้ง มาตรการทางกฎหมายที่จะเข้ามาสนับสนุนช่องทางจัดจำหน่ายทางออนไลน์ให้แก่ SMEs คือ พระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ.2551 ยังไม่เหมาะสมกับธุรกิจ SMEs เนื่องจากอัตราค่าธรรมเนียมของผู้ให้บริการค่อนข้างสูง การขาดสภาพคล่องทางการเงิน นอกจากนี้ แม้จะมีพระราชบัญญัติแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542 ซึ่งเป็นเครื่องมือผลักดัน SMEs ให้เข้าสู่ตลาดพบว่ายังขาดประสิทธิภาพด้านการบังคับใช้กฎหมาย ขณะเดียวกันประเทศเกาหลีใต้และประเทศญี่ปุ่นจะใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อส่งเสริมการดำเนินการทางการตลาดในช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าหรือบริการให้แก่ SMEs เป็นการเฉพาะ เพื่อจัดหาตลาดหรือสถานที่จัดจำหน่ายสินค้าหรือบริการให้แก่ SMEs ตลอดจนการส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs และผู้บริโภคให้มีความเชื่อมั่นต่อการซื้อขายสินค้าหรือบริการทางออนไลน์ จากที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น ทำให้การใช้มาตรการทางกฎหมายของไทยที่มีอยู่เพื่อแก้ไขปัญหาช่องทางจัดจำหน่ายให้แก่ SMEs ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ จึงควรที่จะมีการแก้ไขกฎหมายภายในประเทศที่มีอยู่เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าหรือบริการให้แก่ SMEs อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป