Abstract:
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันจากสารน้ำภายหลังการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเข็มกระตุ้นแบบฉีดเข้าในผิวหนังจำนวน 4 จุด 1 ครั้ง ในผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อเอชไอวี วิธีการวิจัย: การวิจัยเชิงทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมในผู้ติดเชื้อเอชไอวีจำนวน 38 คนที่สุขภาพดี มีระดับเม็ดเลือดขาวลิมโฟไซท์ชนิด CD4+ T cells (CD4+) ตั้งแต่ 200 เซลล์/มิลลิลิตร ขึ้นไป ซึ่งเคยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามาก่อน ได้รับการสุ่มแบ่งเป็น 2 กลุ่มเพื่อรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเข็มกระตุ้นแบบฉีดเข้าในผิวหนังจำนวน 4 จุด บริเวณต้นแขนและต้นขา ใช้ปริมาณวัคซีนจุดละ 0.1 มล ในวันที่ 0 หรือ แบบเข้ากล้าม (กลุ่มควบคุม)บริเวณต้นแขน ครั้งละ 1 หลอด (0.5 มล) จำนวน 2 ครั้งในวันที่ 0 และ 3 อาสาสมัครได้รับการตรวจเลือดสำหรับระดับ CD4+ ปริมาณเชื้อไวรัสเอชไอวีในกระแสเลือด และระดับภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies Neutralizing Antibody Titers; RNab) พื้นฐานก่อนได้รับการฉีดวัคซีน จากนั้นตรวจติดตาม RNab ในวันที่ 7 และ 14 ภายหลังได้รับวัคซีนเข็มแรก การตรวจ RNab ใช้วิธี Rapid Fluorescent Focus Inhibition Test (RFFIT) ผลการวิจัย: ค่าเฉลี่ยของระดับภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (ช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95) ในวันที่ 7 และ 14 ภายหลังการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแบบฉีดเข้าในผิวหนังจำนวน 4 จุด 1 ครั้ง เท่ากับ 14.9 (10.2-37.9) และ 31.3 (23.9-65.7) IU/มล ซึ่งสูงกว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแบบเข้ากล้าม 12.9 (8.5-33.9) และ 19.8 (15.6-49.5) IU/มล แต่ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p = 0.67 และ 0.18 ตามลำดับ) สรุปผลการวิจัย: ระดับภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าภายหลังการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเข็มกระตุ้นแบบฉีดเข้าในผิวหนังจำนวน 4 จุด 1 ครั้ง ในผู้ติดเชื้อเอชไอวี สูงกว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแบบเข้ากล้ามแต่ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ